อธิษฐานตอนเห็นดาวตก สิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริง...ไปขึ้นเขาบูชารอยพระพุทธบาทที่เขา คิชฌกูฎ แล้วอธิษฐาน จะได้ตามประสงค์ คำอธิษฐานในคืนจันทรุปราคาจะศักดิ์สิทธิ์ ขอเชิญชวนให้ร่วมกันอธิษฐานให้บ้านเมืองสงบสุข ปรองดอง...ฯลฯ หากแต่ในภาพยนตร์ I WISH เชื่อกันว่า ณ จุดที่รถไฟชิงกันเซ็น 2 ขบวนวิ่งสวนกัน จะเกิดพลังลึกลับที่ทำให้ทำให้คำอธิษฐานเป็นจริงได้ แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ คุณจะอธิษฐาน ขออะไร? หล่อ รวย สวย เลิศ ฉลาดล้ำ อมตะ...ให้โลกสงบสุขมีแต่ความดีงาม??? ไม่แน่ว่าหลังดูภาพยนตร์จนจบแล้วเราอาจได้ฟังเรื่องเล่าทั้ง 2 มุมจากผู้ชมเรื่องเดียวกัน ตามแต่จะเลือกตีความ ด้านหนึ่งอาจซาบซึ้งอิ่มใจไปกับอารมณ์ฟีลกู๊ดแบบ"ปาฏิหาริย์...เกิดจากแรงอธิษฐานและความรัก" หรือ"ขอแค่เธอยังเชื่อในคำอธิษฐาน" อีกด้านหนึ่งอาจถอยกลับมาอึ้งกับโลกแห่งความจริงซึ่ง ท้ายที่สุดแล้ว"ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงหรอก” หรือ “ปาฏิหาริย์สร้างได้ก็ด้วยมือเรา" นั่นเป็นเสน่ห์ของงานภาพยนตร์จากผู้กำกับฝีมือดี ฮิ โรกาสึ โคเรเอดะ (Hirokazu Koreeda) มีรางวัลการันตีมากมาย จากผลงานอย่าง Nobody Knows (2004) , Hana (2006) , Still Walking (2008) รวมถึง Air Doll (2009) ที่เคยชวนมาคุยในคอลัมน์นี้แล้วด้วยนะจะบอกให้ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งถอดใจ มันไม่เหงา เศร้าซึมมากเหมือน Nobody Knows แล้วก็ไม่ได้นำเสนอด้านมืด หม่นหมองของมนุษย์แบบใน Air Doll หรอกครับ ผมยังอยากเทียบเคียงให้มันเป็น “แฟนฉัน” เวอร์ชั่นญี่ปุ่น หรือจะคล้ายๆ กับ STAND BY ME รสวาซาบิก็น่าจะพอได้
เป็นภาพยนตร์ที่อบอุ่น มีชีวิตชีวา เหมือนจะพาเราย้อนอดีตอันสดใส หอมหวานซึ่งสำหรับเด็กวัยประถมทั่วโลกต่างต้องผ่านช่วงเวลาและอารมณ์แบบนี้ กันทั้งนั้น (เต็มไปด้วยความฝัน จินตนาการ รวมถึงแอบรักคุณครู 555) แต่ในขณะเดียวกัน ประเด็นต่างๆ ที่แฝงอยู่ตลอดการถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง พี่น้องคู่หนึ่ง เพื่อนวัยเด็กกลุ่มหนึ่ง กลับเต็มไปด้วยคำถามที่เมื่อชมภาพยนตร์จบแล้ว ผมสามารถกลับมานั่งขบคิดได้ครึ่งค่อนคืนเชียวละ Theme หลักของเรื่องเล่าถึงพี่น้อง “โคจัง” หรือ โคอิชิ (รับบทโดย โคกิ มาเอดะ-Koki Maeda) กับ ริวจัง หรือ ริวโนสุเกะ (รับบทโดย โอชิโระ มาเอดะ- Oshiro Maeda) ที่ต้องแยกกันอยู่คนละเมืองเพราะพ่อแม่แยกทางกัน โกจัง อยู่กับแม่ และคุณตาคุณยายที่เมืองคาโกชิมา (Kagoshima) ส่วนริวจัง อยู่กับพ่อที่เมืองฟูกูโอกะ (Fukuoka) และเมื่อได้ยินคำเล่าลือว่า ณ จุดที่ รถไฟความเร็วสูง ชิงกันเซ็น วิ่งสวนกันนั้น ถ้าใครได้ไปอธิษฐานตรงจุดนั้น ปาฏิหาริย์ จะเกิดขึ้น สองพี่น้องจึงนัดหมายมาเจอกันที่เมืองซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่าง คาโกชิมา กับ ฟูกูโอกะ แน่นอนว่า สไตล์การใช้ภาพ ดำเนินเรื่อง ไม่เหมาะเลยสำหรับคนใจร้อน คนมีเวลาน้อย หรือชอบให้มีความตื่นเต้น ลุ้นระทึกทุกๆ 5 นาทีตามสูตรภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด
ผู้กำกับ “ฮิโรกาสึ โคเรเอดะ” ค่อยๆ เล่า พาเราไปรู้จักตัวละครหลักทั้ง โกจัง และริวจัง เสมือนหนึ่งชมสารคดีชีวิตประจำกันของเด็กทั้ง 2 เรื่อยๆ เอื่อยๆ ยิ้มบ้าง ขำบ้าง ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่รายละเอียดที่แสดงออกมานั้น ทำให้เราปะติดปะต่อเอาเองได้ว่า แม้ด้านหนึ่งโลกของเด็กวัยเรียนจะสดใส มีแต่เรื่องสนุกๆ ให้คิดให้ทำอยู่เสมอ หากเขาก็ตระหนักรู้ถึงปัญหาครอบครัว ความสำคัญของพ่อแม่ และถ้าเป็นไปได้ เขาย่อมอยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันเหมือนเดิม ฮิโรกาสึ โคเรเอดะ เก่งมากไปกว่านั้นที่เล่าเรื่องย้อนหลังเผยปมปัญหาความไม่ลงตัวของคนที่เป็น พ่อและแม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสามัญมากสำหรับครอบครัวมาตรฐาน เมื่อฝ่ายแม่ ตั้งความหวัง อยากเห็นอนาคตที่มั่นคงของครอบครัวและลูกๆ แต่ พ่อคิดอีกแบบหนึ่ง มีความฝันในแบบของเขา และรักในการจะเป็นนักดนตรี ท่ามกลางสถานการณ์ที่แตกร้าว ทำให้เมื่อนึกให้ดีๆ แล้ว ระหว่างการแยกกันอยู่ กับอยู่ร่วมกันท่ามกลางปัญหาทะเลาะ รุนแรง เราควร อธิษฐานให้ ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิมดีหรือไม่? นอกจากจะมีประเด็นที่เป็นโครงหลักอันแข็งแรง ว่าด้วยการเดินทางไปหาสถานที่เพื่อ “อธิษฐาน” ของกลุ่มเด็กทั้ง 7 คนแล้วภาพยนตร์ I WISH ยังมีองค์ประกอบที่ซับซ้อน มีประเด็นรอง ซับพล็อต มากมาย หากนำเสนอในโทนสดใส อบอุ่น พร้อมๆ กับสะท้อนภาพความเป็นไป ความเปลี่ยนแปลงในสังคมญี่ปุ่นได้อย่างลุ่มลึก ความตื่นเต้นของผู้คนกับการเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง ชิงกันเซ็น กับความดื้อรั้นของ “คุณตา” ของ โคจังที่ยึดมั่นอยู่กับสูตรทำขนมแบบดั้งเดิม ถูกแปะวางเอาไว้เหมือนไม่ได้ตั้งใจให้สังเกต แต่กลับเป็นมุมที่ชวนคิดไม่น้อยเหมือนกัน นอกจากมุมสดใสวัยฝันของเด็ก ประถม แอบชอบ ชื่นชมคุณครูแล้วยังมี บรรยากาศแวดล้อมในโรงเรียน ความกดดันของหลักสูตรการศึกษาซึ่งเร่งรัดให้เด็กนักเรียนมีความสามารถสูง ขึ้น ซึ่งก็ดูจะสวนทางกับคำถามปลายเปิดที่คุณครูสั่งให้เขียน ให้เล่าว่า “โตขึ้นอยากทำอาชีพอะไร” ระหว่างภารกิจ เพื่อฝันของตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อโลกส่วนรวม เราควรจะเลือกอะไร หรือจัดเรียงลำดับมันอย่างไรดี นั่นเป็นแค่บางส่วน บางมุม ที่ยังวิ่งพล่านอยู่ในหัว หลังจากชมภาพยนตร์ชื่อสั้นๆ เรื่องนี้ แม้ว่าท้ายที่สุด I WISH อาจไม่มีปาฏิหาริย์ ที่จะทำให้ผู้ชมทุกคน พอใจหรือรักในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สุดท้ายแล้ว ขอเพียงแค่เรายังมีความหวัง ยังพร้อมที่จะมุ่งมั่น ลงมือทำเพื่อให้คำอธิษฐานเป็นจริง ขอเพียงแค่เราได้มุ่งมั่นทำอย่างที่ฝันไว้ แล้ว ไม่ว่าฝันนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ ในระหว่างเส้นทาง เราอาจพบ “ปาฏิหาริย์” ที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเรามากมายเกินกว่าที่คาดหวังไว้เสียด้วยซ้ำ
ข้อมูลจาก มติชน ออนไลน์ |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|