ญี่ปุ่น เริ่มติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ เพื่อเตรียมพร้อมยิงสกัดขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ที่คาดว่าจะมีการยิงทดสอบภายในเดือนนี้ โดยกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น ได้เคลื่อนย้ายขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ แพค ทรี PAC-3 ออกจากฐานทัพเรือทางภาคตะวันตก ไปติดตั้งที่หมู่เกาะโอกินาวาแล้ววานนี้
หลังจากนายซาโตชิ โมริโมโต้ รัฐมนตรีกลาโหม มีคำสั่งเมื่อวันเสาร์ให้กองทัพเตรียมรับมือกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ที่จะยิงทดสอบภายในเดือนนี้ และคาดว่า จะผ่านน่านฟ้าบริเวณเกาะโอกินาวา นอกจากนี้ มีรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่น เตรียมส่งเรือรบที่ใช้ระบบเอจิส ไปประจำการรอบเกาะโอกินาวา การเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น มีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือ ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า จะยิงทดสอบขีปนาวุธในช่วงวันที่ 10-22 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการยิงทดสอบครั้งที่สองในปีนี้ และเกาหลีเหนือ ได้แจ้งชาติเพื่อนบ้านรวมถึงญี่ปุ่น เกี่ยวกับวิถีของขีปนาวุธด้วย โดยระบุว่า จรวดท่อนแรกคาดว่าจะตกในทะเลเหลือง นอกชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี ส่วนท่อนที่สอง จะตกในทะเลห่างจากฟิลิปปินส์ไปทางตะวันออก 190 กม. นายกรัฐมนตรีโยชิฮิโกะ โนดะ ประชุมฉุกเฉินทันทีเมื่อวันเสาร์ และกองทัพเตรียมพร้อมยิงสกัดชิ้นส่วนขีปนาวุธ ที่อาจตกลงในดินแดนของญี่ปุ่น ล่าสุด นายโนดะ เรียกร้องให้สหรัฐ จีน เกาหลีใต้ และรัสเซียร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแผนการยิงทดสอบของเกาหลีเหนือ ขณะที่ มีรายงานว่า เกาหลีเหนือ เริ่มติดตั้งจรวดท่อนแรกที่ฐานปล่อยดาวเทียม โซแฮแล้ว เพื่อเตรียมยิงทดสอบ โดยไม่สนใจคำทักท้วงจากหลายชาติที่เรียกร้องให้ยกเลิกการทดสอบครั้งนี้ และญี่ปุ่น แสดงความไม่พอใจ ด้วยการยกเลิกการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สองฝ่าย ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือ พยายามยิงทดสอบขีปนาวุธในเดือนเม.ย.แต่ขีปนาวุธขึ้นจากฐานปล่อยได้เพียงสองนาที ก็ระเบิดและชิ้นส่วนตกลงในทะเลเหลือง และครั้งนั้นญี่ปุ่น ก็ได้เตรียมรับมือล่วงหน้าด้วยการประจำการขีปนาวุธแพท ทรี เพื่อเตรียมสกัดกั้นชิ้นส่วนขีปนาวุธตกใส่ดินแดน ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้เกาหลีเหนือ ทบทวนแผนการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล หลังจากนายคิมจองอึน ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ ออกมาประกาศจะเดินหน้าทดลองยิงขีปนาวุธดังกล่าวอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 10-22 ธันวาคมนี้ เพื่อแก้ตัว หลังจากประสบความล้มเหลวในการทดลองยิงขีปนาวุธลักษณะเดียวกัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|