สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันพุธ (2 เม.ย.) ว่า คณะกรรมการสอบสวนที่ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาชีววิทยาไรเคน เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งขึ้น เพื่อสอบสวนผลงานการวิจัยการสร้างสเต็มเซลล์ด้วยต้นทุนต่ำของทีมวิจัย ที่นำโดย ดร.ฮารุโกะ โอโบคาตะ นักวิจัยหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 30 ปี ประกาศว่า ดร.โอโบคาตะ "ละเมิดจริยธรรมการวิจัย” และจะถอนผลงานการวิจัยดังกล่าวที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ ออกมา
ศูนย์ไรเคนตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบผลงานการวิจัยของ ดร.โอโบคาตะ ตามขั้นตอนการตรวจสอบผลการวิจัย ในช่วงเดียวกันกับที่มีการเผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารเนเจอร์ ซึ่งทำให้ผลการวิจัยดังกล่าวกลายเป็นที่จับตามองของสังคม ในฐานะที่เป็นวิธีใหม่ที่จะผลิตสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดจากผิวหนังโดย ใช้สารละลายกรดอ่อนๆ ซึ่งทำให้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ คณะกรรมการระบุว่า ดร.โอโบคาตะ ปลอมผลวิจัยด้วยการใช้ภาพประกอบสองภาพประกบเข้าหากัน และใช้ข้อมูลเก่าจากผลงานการทำวิจัยระดับดุษฎีบัณฑิตของตนเองที่เคยตีพิมพ์ ในวารสารเนเจอร์มาใช้ แสดงวิธีการผลิตสเต็มเซลล์รูปแบบใหม่ ซึ่งนายชุนซุเกะ อิชิอิ ประธานคณะกรรมการสอบสวน กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของข้อมูล และไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ดร.โอโบคาตะ จะรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับการใช้วิธีการปลอมแปลงข้อมูลดังกล่าว นอกจากนั้นแถลงการณ์ของศูนย์ไรเคนยังระบุด้วยว่า นักวิทยาศาสตร์คนอื่นทั้งในญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยของ ดร.โอโบคาตะ อาจจะถูกดำเนินการทางวินัย และจะถอดถอนผลการวิจัยฉบับดังกล่าวออกจากสารบบด้วย ทั้งนี้ ศูนย์ไรเคนได้ตรวจสอบผลวิจัยดังกล่าวด้วยการตั้งคณะทำงานนำผลการวิจัยของ ดร.โอโบคาตะมาใช้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานราว 1 ปี กว่าจะหาข้อสรุปได้ ด้าน ดร.โอโบคาตะ ยืนยันว่า ผลงานถูกต้อง และจะยื่นฟ้องศูนย์ไรเคนที่กล่าวหาว่าตนและผู้ร่วมงานจงใจกระทำความผิดทาง วิทยาศาสตร์ ขณะที่ ศ.ชาร์ล วาเคนตี แห่งโรงพยาบาลหญิงบริกแฮม ผู้ร่วมทำการวิจัย กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะถอดถอนผลการวิจัย โดยควรรอให้คณะทำงานของศูนย์ไรเคนนำผลการวิจัยไปใช้เพื่อสร้างผลงานออกมา เสียก่อน ซึ่งในเวลานั้นความจริงก็จะปรากฏ
ข้อมูลจาก คม ชัด ลึก
|