เกริ่นนำโดย : ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์
ถ้าถามว่าตอนนี้ข่าวไหนที่ทุกคนให้ความสำคัญสุด กลับบ้านแล้วต้องรีบไปเปิดดูแทบทุกบ้าน ทุกคนต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "โอลิมปิก 2012" หรือ "ลอนดอนเกมส์" ซึ่ง 4 ปีถึงจะมีครั้ง และเจ้าภาพในครั้งนี้ คือ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งได้เปิดพิธีไปแล้วเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2555 ที่ผ่านมา ทางเจ้าภาพได้จัดงานแบบสวยงามและอลังการกับวัฒนธรรมต่างๆ ของอังกฤษ และยังมีเซอร์ไพร์สพิเศษของเจ้าภาพอีกด้วย
สำหรับประเทศไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทุกคนได้ขยันฝึกฝน และตั้งใจเพื่อที่จะนำเหรียญรางวัลกลับมาให้ประเทศ·เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเป็นกำลังใจให้กับกองทัพนักกีฬาไทยของเราให้ประสพความสำเร็จ
ต้นกำเนิดของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในสมัยโบราณก่อนหน้าคริสตกาลกว่า 1,000 ปี การแข่งขันกีฬาได้ดำเนินการกันบนยอดเขาโอลิมปัส ในประเทศกรีซ โดยนักกีฬาจะต้องเปลือยกายเข้าแข่งขัน เพื่อประกวดความสมส่วนของร่างกาย และยังมีการต่อสู้บางประเภท เช่น กีฬาจำพวกมวยปล้ำ เพื่อพิสูจน์ความแข็งแรง ผู้ชมมีแต่เพียงผู้ชาย ห้ามผู้หญิงเข้าชม ดังนั้นผู้ชมจะต้องปีนขึ้นไปบนยอดเขา ครั้นต่อมามีผู้นิยมมากขึ้น สถานที่บนยอดเขาจึงคับแคบเกินไป ไม่เพียงพอที่จุทั้งผู้เล่นและผู้ชมได้ทั้งหมด ดังนั้น เมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล ชาวกรีกได้ย้ายที่แข่งขันลงมาที่เชิงเขา และได้ปรับปรุงการแข่งขันเสียใหม่ให้ดีขึ้น โดยให้ผู้เข้าแข่งขันสวมกางเกง พิธีการแข่งขันจัดอย่างเป็นระเบียบเป็นทางการ มีการบันทึกการแข่งขันอย่างชัดเจน มีจักรพรรดิมาเป็นองค์ประธาน อนุญาตให้สตรีเข้าชมการแข่งขันได้ แต่ไม่อนุญาตให้เข้าแข่งขัน ประเภทกรีฑา ที่แข่งขันที่ถือเป็นทางการในครั้งแรกนี้ มี 5 ประเภท คือ และขว้างจักร ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง ๆ จะต้องเล่นทั้ง 5 ประเภท โดยผู้ชนะจะได้รับรางวัล คือ มงกุฎที่ทำด้วยกิ่งไม้มะกอกที่มีชื่อว่า ช่อรอเรล และได้รับเกียรติเดินทางท่องเที่ยวไปทุกรัฐ ในฐานะตัวแทนของพระเจ้า และถือปฏิบัติติดต่อกันมาโดยไม่เว้น เมื่อถึงกำหนดการแข่งขัน ทุก4 ปี รัฐจะต้องให้เกียรติ หากว่าขณะนั้นกำลังทำสงครามกันอยู่ จะต้องหยุดพักรบ และมาดูนักกีฬาของตนแข่งขัน ประเภทของการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างในระยะต่อๆมา โดยมีการพิจารณาและลดประเภทของกรีฑาเรื่อยมา อย่างไรก็ดีในระยะแรกนี้กรีฑา 5 ประเภทดังกล่าวที่จัดแข่งขันกันในครั้งแรก ได้รับเกียรติให้คงไว้ ซึ่งเรียกกันว่า เพ็นตาธรอน หรือ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงกำเนิดของกรีฑา โดยในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการแข่งขันกันอยู่ ซึ่งประเภทของปัญจกรีฑาได้เปลี่ยนไปตามเวลา การแข่งขันได้ดำเนินติดต่อกันมานับเป็นเวลาถึง 1,200 ปี จนมาในปี ค.ศ. 393 แห่งโรมัน ได้ทรงประกาศให้ยกเลิกการแข่งขันนั้นเสีย เพราะเกิดมีการว่าจ้างกันเข้ามาเล่นเพื่อหวังรางวัล
ตลอดระยะเวลาที่มีการแข่งขันนั้น ได้จัดขึ้น ณ บริเวณที่แห่งเดียว คือ เชิงเขาโอลิมปัส แคว้นอีลิส จึงเรียกการแข่งขันตามชื่อของสถานที่ว่า “การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก”
หลังจากโอลิมปิกโบราณได้ล้มเลิกไปเป็นเวลาถึง 15 ศตวรรษ โอลิมปิกยุคใหม่ก็เกิดขึ้น โดยมีนักกีฬาคนสำคัญของฝรั่งเศสชื่อ ท่านขุนนางผู้นี้เกิดในกรุงปารีส เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) สนใจประวัติศาสตร์ ปัญหาการเมืองและสังคม ในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) ท่านอายุได้ 26 ปี ได้เกิดความคิดที่จะฟื้นฟูการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งได้ล้มเลิกมาตั้งแต่ปี (ค.ศ. 393) โดยติดต่อกับบุคคลสำคัญของประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส เป็นเวลาถึง 4 ปี ในที่สุดได้เปิดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการขึ้น ที่ตำบลซอร์บอนน์ ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ (ค.ศ. 1892) และประกาศ ณ ที่นั้นว่า การแข่งขันโอลิมปิกซึ่งได้หยุดมานานกว่า 15 ศตวรรษ จักได้พื้นขึ้นใหม่เป็นการปัจจุบัน และแผนการของงานโอลิมปิกปัจจุบันนั้น ได้เป็นที่ตกลงกันในที่ประชุมจำนวน 15 ประเทศ ณ ตำบลซอร์บอนน์ ประเทศฝรั่งเศส คณะกรรมการผู้ริเริ่ม ได้ลงมติว่า ให้ทำการเปิดการแข่งขันโอลิมปิกปัจจุบันขึ้น โดยกำหนด 4 ปีต่อ 1ครั้ง โดยให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพ แต่การเปิดแข่งขันครั้งแรกให้เริ่ม ณ ใน (ค.ศ. 1896) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการกำเนิดกีฬาโอลิมปิกเมื่อครั้งโบราณ จากนั้นเป็นต้นมา การแข่งขันและวิธีเล่นกรีฑาก็พัฒนาไปอย่างกว้างขวาง และการแข่งขันทุก ๆ ครั้ง ให้ถือเอากรีฑาเป็นกีฬาหลัก ซึ่งจะขาดเสียมิได้ในการแข่งขันแต่ละครั้ง การกำหนดว่าประเทศใดจะได้เป็นเจ้าภาพในครั้งต่อไปนั้น กระทำขึ้น ณ สถานที่ที่การแข่งขันครั้งล่าสุดดำเนินอยู่นั้นเอง คณะกรรมการโอลิมปิกสากล จะพิจารณาบรรดาประเทศสมาชิกที่เสนอขอจัด และมีอำนาจเด็ดขาดที่จะลงมติให้ประเทศใดเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการ ในวันพิธีเปิดการแข่งขันครั้งล่าสุดนั้น ประเทศที่ได้รับพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพ ถือได้ว่าเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับความไว้วางใจ อันก่อให้เกิดความภาคภูมิใจต่อประชาชนทั้งประเทศ ในปัจจุบัน ประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิกโอลิมปิก 197 ประเทศ แต่บางประเทศไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเป็นประเทศเล็ก ขาดความพร้อมในเรื่องตัวนักกีฬา
รางวัลของการแข่งขันในสมัยโบราณผู้ที่ชนะจะได้รับการสรรเสริญมาก รางวัลที่ให้แก่ผู้ชนะในสมัยนั้น คือ กิ่งไม้มะกอกซึ่งตัดมาจากยอดเขาโอลิมปัส อันเป็นที่สิงสถิตของซุส แล้วทำเป็นวงคล้ายมงกุฎ จักรพรรดิจะเป็นผู้พระราชทานครอบลงบนศีรษะของผู้ชนะนั้น ๆ พร้อมทั้งได้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ให้ชนรุ่นหลังศึกษาและชื่นชมต่อไป
สำหรับการแข่งขันโอลิมปิกสมัยปัจจุบันแบ่งรางวัลเป็นสามระดับ คือ เหรียญทอง, เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ให้แก่ผู้ชนะเลิศ, ผู้ชนะเลิศที่สอง และที่สามตามลำดับ ส่วนอันดับที่สี่ไปถึงอันดับที่หก จะได้ประกาศนียบัตรการเข้าร่วมการแข่งขัน
โคมไฟโอลิมปิก เมื่อมีการแข่งขันโอลิมปิกจะมีการจุดไฟกองใหญ่ขึ้นบนยอดเขาโอลิมปัส เพื่อให้ความสว่างไสว และเพื่อเป็นสัญญาณประกาศให้คนทั่วไปได้ทราบว่า การเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว พิธีการจุดไฟนั้น เริ่มแรกทำบนยอดเขาโอลิมปัส โดยใช้แว่นรวมแสงอาทิตย์ไปยังเชื้อเพลิง เมื่อติดไฟแล้ว จึงนำตะเกียงต่อเอาไว้ ไฟกองใหญ่จะคงลุกโชติช่วงต่อไปจนตลอดงานฉลอง ส่วนตะเกียงนั้นจะมีการวิ่งถือไปทั่วทุกนครรัฐ ด้วยการส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ จากนักวิ่ง คนละ 2 ไมล์ หากผ่านทะเลหรือแม่น้ำก็จะลงเรือข้ามฟากโดยไฟไม่ดับ ไฟนี้ชาวกรีก ถือว่าเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ และความสงบสุขของชาวกรีก ซึ่งพระเจ้าจะทรงพระพิโรธต่อบุคคลที่ไม่สนใจในกิจการนี้ โอลิมปิกในปัจจุบัน ยังคงรักษาประเพณีเรื่องการจุดไฟไว้ดังเดิมทุกประการ กล่าวคือ ก่อนจะมีการแข่งขันจะมีพิธีจุดไฟ ณ เขาโอลิมปัส ผู้จุดคือ สาวพรหมจารีย์ผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ต่อไฟจากแว่นรวมแสงของดวงอาทิตย์ด้วยคบเพลิง และไฟนี้จะถูกแจกจ่ายไปยังประเทศสมาชิกทั่วโลก และข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ประเทศเจ้าภาพ และมีการวิ่งถือคบเพลิงส่งต่อกันไปจุดที่กระถางใหญ่บริเวณงานในวันแรกของพิธีเปิดการแข่งขัน ไฟจะต้องไม่ดับตั้งแต่เริ่มจุด ณ ภูเขาโอลิมปัส จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น ๆ
ธงโอลิมปิกมีผืนธงเป็นสีขาว ขนาดมาตรฐานยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ส่วนเครื่องหมายห้าห่วงคล้องกันอยู่บนกลางธง ขนาด 2 เมตร คูณ 0.60 เมตร มีสีฟ้า สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีแดง ตามลำดับจากซ้ายไปขวา คล้องไขว้กันอยู่ตรงกลางสองแถว แถวบน 3 ห่วง แถวล่าง 2 ห่วง ห่วงสีที่คล้องกันอยู่ตรงกลางธงบนพื้นธงสีขาว รวมเป็น 6 สี
โดยแท้จริงแล้ว ห้าห่วงหมายถึง ห้าส่วนของโลกที่อยู่ในโอบอ้อมของ “โอลิมปิกนิยม” มิเจาะจงเป็นห้าทวีปในโลกอย่างที่เข้าใจกัน แต่บังเอิญห้าทวีปนี้ก็เป็นห้าส่วนของโลกก็เลยอนุโลมกันไปเช่นนั้น ส่วนสีที่ห่วง 5 สี มิได้หมายถึงสีประจำทวีป ซึ่งสีทั้งหมด 6 สี รวมทั้งสีขาวที่เป็นพื้นธง หมายความว่า ธงชาติของประเทศต่าง ๆ ในโลกประกอบด้วยสีใดสีหนึ่งหรือมากกว่านั้นในจำนวนหกสีนั้น และไม่มีธงชาติของประเทศใดที่มีสีนอกเหนือไปจากหกสีนี้ ด้านล่างของห่วงมีคำอยู่ 3 คำ ซึ่งเป็นภาษาโรมัน แต่ละคำมีความหมายดังต่อไปนี้
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้นจะจัดให้มีทั้งพิธีเปิดและพิธีปิด ในช่วงก่อนและหลังการแข่งขันอย่างเป็นทางการ โดยในวันที่จัดพิธีเปิดนั้นจะไม่มีการจัดการแข่งขันกีฬา ซึ่งพิธีเปิดจะเริ่มต้นด้วยขบวนนักกีฬาจากประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน เดินเข้าสู่สนามตามลำดับตัวอักษร นำโดยผู้ถือป้ายชื่อประเทศ ผู้ถือธงชาติ และตามด้วยนักกีฬาของประเทศนั้น ซึ่งขบวนของประเทศเจ้าภาพจะเดินเข้าสู่สนามเป็นลำดับสุดท้าย ตามมาด้วยขบวนแห่ธงโอลิมปิกสากล โดยนายกเทศมนตรีที่เป็นเจ้าภาพครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ทำพิธีมอบธงโอลิมปิกสากลให้นายกเทศมนตรีเมืองเจ้าภาพปัจจุบัน แล้วจึงนำธงโอลิมปิกสากลขึ้นสู่เสา จึงเริ่มต้นพิธีจุดคบเพลิง ด้วยการวิ่งส่งต่อคบเพลิงไปต่อเนื่อง จนถึงนักกีฬาคนสุดท้ายจึงจะวิ่งนำคบพลิงไปจุดบนกระถางคบเพลิง
ประธานในพิธี กล่าวเปิด แล้วปล่อยนกพิราบ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ต่อมานักกีฬากล่าวคำปฏิญาณตน รวมทั้งผู้ตัดสินก็กล่าวคำปฏิญาณตนเช่นกันว่า "จะตัดสินกีฬาครั้งนี้ด้วยใจเป็นธรรม" และนักกีฬาจึงเดินออกนอกสนาม ปิดท้ายด้วยการแสดงในลักษณะลีลาการเต้นรำ หรือฟ้อนรำ หรือกายบริหาร ซึ่งเป็นการแสดงออกในทางพิธีกรรมถวายแก่เทพเจ้าซีอุสในสมัยโบราณ และยังเป็นการแสดงออกถึงกิจกรรมทางการกีฬา ในพิธีปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จะมีการแข่งขันกีฬาประเภทสุดท้าย ซึ่งจะแข่งขันในสนามกีฬาหลัก โดยมากมักจะเป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของกีฬาฟุตบอล เมื่อการแข่งขันกีฬาประเภทสุดท้ายเสร็จสิ้น ขบวนนักกีฬาจากประเทศต่างๆ จะเดินเข้าสนามเพื่อเข้าร่วมพิธีปิด โดยประธานในพิธีกล่าวปิด แล้วไฟในกระถางคบเพลิงก็จะเริ่มดับลง บนป้ายบอกคะแนนจะมีตัวอักษรขึ้นว่า "จนกว่าเราจะพบกันใหม่ ณ เมือง..." (สถานที่ที่จะมีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไปอีก 4 ปีข้างหน้า) สุดท้ายจึงร่วมร้องสามัคคีชุมนุมเป็นอันเสร็จสิ้น
|
มาสคอตของโอลิมปิกเกมส์ 2012 ถูกสร้างสรรค์ขึ้นให้มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดคือ มีตาเดียวทั้งคู่ ซึ่งสื่อถึงดวงตาที่เป็นกล้องคอยบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ขณะที่มาสคอตทั้งสองตัวนี้มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันเริ่มจากเจ้า เวนล็อค เจ้าตัวนี้จะใช้เป็นมาสคอตของกีฬาโอลิมปิก 2012 มีลักษณะเป็นมาสคอตตัวสีเงินลายสีส้มมีหัวเป็นแท็กซี่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอนและที่ข้อมือก็มีสายรัดข้อมือสัญลักษณ์ของโอลิมปิก ส่วนเจ้าแมนเดวิลล์นั้น เป็นมาสคอตสีเงินลายสีฟ้า มีหัวเหมือนตัวการ์ตูน Sonic the Hedgehog เจ้าตัวนี้จะใช้สำหรับเป็นมาสคอตของกีฬาพาราลิมปิก 2012 |
แบบเหรียญรางวัลสำหรับผู้ชนะในกีฬาโอลิมปิก 2012 |
เครื่องหมายห้าห่วงคล้องกันอยู่บนกลางธง หมายถึง ห้าส่วนของโลกที่อยู่ในโอบอ้อมของ “โอลิมปิกนิยม” |
สนามกีฬาที่ไว้จัดพิธีเปิด-ปิด ของกีฬาโอลิมปิก 2012 |
เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังอังกฤษผู้ที่รับหน้าที่จุดคบเพลิงโอลิมปิกในพิธีเปิด
ขอบคุณเนื้อหาประกอบ : wikipedia |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|