บางจากมั่นใจปีนี้มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี เพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาท แม้โรงกลั่นน้ำมันหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ 45 วัน ส่งผลให้การใช้กำลังการกลั่นวูบเหลือ 9.3 หมื่นบาร์เรล/วัน แต่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 3 เข้ามาหนุน พร้อมตั้งงบลงทุนปีนี้ 7 พันล้านบาทลงทุนต่อเนื่อง สบช่องจ่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นและซื้อโรงเอทานอลขนาด 2 แสนลิตร/วัน นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA) อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี EBITDA ประมาณ 9.5 พันล้านบาท แม้ว่าปีนี้โรงกลั่นน้ำมันบางจากจะต้องหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยน หอกลั่นน้ำมันดิบ 3 ที่เคยเกิดอุบัติเหตุก่อนหน้านี้เป็นเวลา 45 วันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป ทำให้การใช้กำลังการกลั่นในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 9.3 หมื่นบาร์เรล/วัน ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 9.93 หมื่นบาร์เรล/วัน ขณะที่ค่าการกลั่นน้ำมันในปีนี้จะใกล้เคียงหรือต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย จากปี 2556 ค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ปีนี้บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 3 จำนวน 5 แห่ง คิดเป็นกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 3 จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 3 โรงแรกในเดือนเม.ย. และอีก 2 โรงจะจ่ายไฟเข้าระบบในเดือน มิ.ย และ ส.ค. 2557 ตามลำดับ ทำให้มีรายได้มาชดเชยรายได้ที่หายไปจากการปิดซ่อมโรงกลั่นน้ำมัน นายวิเชียรกล่าวต่อไปว่า จากปัญหาการเมืองในประเทศที่ไม่สงบทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในช่วง 1-2 เดือนนี้ลดลง แต่บางจากไม่ได้รับผลกระทบ โดยยอดขายน้ำมันสำเร็จรูปบางจากยังโตอยู่ 2% แม้ว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งปีโต 6-8% ก็ตาม แต่เชื่อว่าหากสถานการณ์การเมืองในไทยยังยืดเยื้อออกไปย่อมส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจและการใช้น้ำมันในประเทศ ซึ่งถึงจุดนั้นบริษัทฯ คงต้องพิจารณาว่าจะชะลอการลงทุนบางโครงการหรือไม่อย่างไร แต่ปัจจุบันการลงทุนโครงการต่างๆ ยังเดินหน้าตามแผนงาน โดยปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ 7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการซ่อมบำรุง 2 พันล้านบาท โครงการโซลาร์ฟาร์ม เฟส 3 อีก 2 พันล้านบาท โครงการสร้างปั๊มน้ำมันแห่งใหม่และปรับปรุงปั๊ม 1.5 พันล้านบาท และโครงการ 3 อี ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบและเตรียมประมูลก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เงินเบื้องต้น 400 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าซื้อกิจการโครงการผลิตเอทานอล ซึ่งเจรจาอยู่ 2-3 ราย โดยบางจากจะเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในโครงการนี้เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ แต่ก็ต้องพึ่งพาเจ้าของเดิมด้านการจัดหาวัตถุดิบสำหรับขนาดโรงงานผลิตเอทานอ ลที่เจรจาอยู่ประมาณ 2 แสนลิตร/วัน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการทำดีลดิลิเจนต์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ ญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 30-50 เมกะวัตต์ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยจะร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในกลางปีนี้ หากโครงการดังกล่าวมีศักยภาพดีก็จะมีการลงทุนเพิ่มเติมต่อไป สำหรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้เกิดจากอากาศที่ หนาวเย็นในสหรัฐฯ ทำให้มีการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันไม่มากเนื่องจากความไม่สงบในประเทศลิเบีย และแอฟริกาใต้ ทำให้มีการส่งออกน้ำมันดิบลดลง ส่งผลด้านจิตวิทยา ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น แต่เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วงนี้จะเป็นเหตุการณ์ช่วง สั้น โดยบริษัทฯ ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้จะอยู่ที่ 105-106 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 109 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทั้งนี้ บางจากจะปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันหรือไม่นั้นคงต้องรอดูราคาตลาดน้ำมัน สำเร็จรูปที่สิงคโปร์อีกครั้ง หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์เพิ่มขึ้นไม่มากก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคา ขาย แต่ถ้าราคาตลาดสิงคโปร์ขยับขึ้นสูงก็คงปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมัน เบนซินประมาณ 40 สตางค์/ลิตร ส่วนดีเซลก็คงมีการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพื่อตรึงราคาดีเซลไม่ให้ เกิน 30 บาท/ลิตร
ข้อมูลจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
|