ฝูงชนออกมาชุมนุมกันตามท้องถนนของญี่ปุ่นใน วันพุธ (16 ก.ย.) เพื่อประท้วงกฏหมายด้านความมั่นคงที่ทำให้ทหารแดนปลาดิบสามารถออกไปสู้รบนอก ประเทศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ซึ่งคาดว่าจะผ่านออกมาใช้ในสัปดาห์นี้ แม้จะมีผู้คนต่อต้านเป็นจำนวนมาก ชาวญี่ปุ่นหลายร้อยคนชูป้ายที่เขียนว่า "ไม่เอาสงคราม" และ "อย่าดึงดันผ่านกฏหมายฉบับนี้" ได้เผชิญหน้ากับตำรวจบริเวณด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่งในโยโกฮาม่า เมืองทางใต้ของโตเกียว ที่บรรดา ส.ส.ญี่ปุ่นมารวมตัวกันเพื่อรับฟังประชาพิจารณ์เกี่ยวกับกฏหมายนี้ ในเวลาต่อมาผู้ประท้วงได้เริ่มปิดถนนหลายสาย พากันตะโกนคำขวัญต่อต้านสงคราม รวมถึงพยายามหยุดยั้งบรรดา ส.ส. ไม่ให้ขับรถหนีไปหลังการประชาพิจารณ์เสร็จสิ้น การประท้วงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของสาธารณชนที่มีต่อแผน เพิ่มบทบาททหารญี่ปุ่นบนเวทีโลกของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ คาดว่ามีผู้คนหลายหมื่นออกมารวมตัวกันบริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาในวัน พุธ ช่วงที่คณะกรรมาธิการชุดพิเศษกำลังถกเถียงกันเรื่องกฏหมายนี้ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนส่งให้สภาสูง และน่าจะได้รับการผลักดันจนอนุมัติเห็นชอบโดยเสียงข้างมากของพรรคร่วมรัฐบาล บรรดาพรรคฝ่ายค้านกำลังวางแผนจะดำเนินการต่างๆ นาๆ เพื่อขัดขวางกฏหมายฉบับนี้ หนึ่งในนั้นคือการตำหนิติเตียนให้รัฐบาลรู้สึกอับอายจนต้องยอมแพ้ แต่คาดว่าการกระทำเหล่านั้นคงไม่อาจหยุดยั้งการผ่านกฏหมายฉบับนี้ได้ ภายใต้เจตจำนงค์ของกฏหมายใหม่ฉบับนี้ กองทัพญี่ปุ่นที่รู้จักกันในชื่อ กองกำลังป้องกันตนเอง จะสามารถออกไปสู้รบเพื่อปกป้องพันธมิตรได้ แม้ว่าจะไม่ใช่ภัยคุกคามโดยตรงต่อประชาชนหรือประเทศญี่ปุ่น แม้รัฐธรรมนูญฉบับหลังสงครามโลกที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งห้ามทหารญี่ปุ่นเข้าไปมีส่วนร่วมกับการสู้รบใดๆ ยกเว้นการปกป้องตนเองเท่านั้น จะถูกร่างโดยอเมริกา ก็ตาม แต่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากก็ยังรู้สึกว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น อาจเปลี่ยนบุคลิกความรักสันติของประเทศญี่ปุ่น นักวิชาการจำนวนมากได้บอกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนนักวิจารณ์ก็พากันกังวลว่าอาจเป็นการนำญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามของอเมริกา ในหลายพื้นที่ของโลก อาเบะและเหล่าผู้สนับสนุนของเขาบอกว่า กฏหมายนี้จำเป็นในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมด้านความมั่น คงจากความกร่างที่เพิ่มขึ้นของจีน รวมถึงการกระทำที่คาดเดาไม่ได้ของเกาหลีเหนือ
ข้อมูลจาก ผู้จัดการ ออนไลน์
|