ภูเขาไฟแห่งนี้ปะทุพ่นเถ้าถ่านและลาวาออกมาเป็น ครั้งสุดท้ายเมื่อ 307 ปีก่อนหน้านี้ และทีมนักวิจัยทางธรณีวิทยา แผ่นดินไหวชาวฝรั่งเศสและญี่ปุ่นจาก อินสติติวท์ ออฟ เอิร์ธไซน์เซส (ไอเอสที) ในเมืองเกรอโนบ ประเทศฝรั่งเศส เพิ่งตีพิมพ์เผยแพร่รายงานการศึกษาวิจัยที่พบว่า ฟูจิ กำลังจะกลับมาปะทุอีกครั้ง และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนก่อนการระเบิดของภูเขาไฟที่นักธรณีวิทยา เรียกว่า “ภาวะวิกฤต” ฟลอรองต์ บรองกีเอร์ หนึ่งในทีมวิจัยที่ทำหน้าที่เป็น ผู้เขียนรายงานผลการวิจัยครั้งนี้ด้วยระบุ ว่า ผลสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้บอกว่า ภูเขาไฟฟูจิกำลังจะระเบิด แต่ข้อมูลที่ได้แสดงให้เห็นว่า ภูเขาไฟลูกนี้กำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งเป็นภาวะก่อนหน้าที่ภูเขาไฟจะระเบิดเท่านั้น ทีมวิจัยอาศัย ข้อมูลที่ได้จากเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาวะแผ่นดินไหวจำนวน 800 ตัว ที่ติดตั้งไว้เชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายทั่วประเทศ เรียกว่า “ไฮ-เน็ต” ซึ่ง ถือเป็นเครือข่ายเซ็นเซอร์แผ่นดินไหวที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยอาศัยข้อมูลมหาศาลซึ่งได้เซ็นเซอร์ตรวจวัดและจัดเก็บไว้เมื่อครั้งแผ่น ดินไหวครั้งใหญ่นอกชายฝั่งด้านตะวันตกของญี่ปุ่นในปี 2011 ซึ่งวัดความรุนแรงได้ 9.0 ตามมาตราริกเตอร์ และเป็นแผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิดสึนามิขนาดใหญ่สร้างความเสียหายให้กับโรง ไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟุคุชิมา นั่นเอง การกลับไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อดูว่าภูเขาไฟต่างๆ มีปฏิกิริยาอย่างไรกับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวรุนแรงดังกล่าวนั้น ซึ่งหากมีข้อมูลดีพอว่าพลังงานจากแผ่นดินไหวส่งผลกระทบต่อภูเขาไฟอย่างไร นักวิจัยก็สามารถประเมินภาวะเสี่ยงของภูเขาไฟระเบิดได้ดีมากขึ้น จนอาจคาดการณ์การระเบิดได้ ทีมวิจัยตรวจสอบสิ่งที่นักวิชาการแผ่นดินไหวเรียกว่า “ซีสมิค นอยซ์” ซึ่ง เป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างการไหวตัวของมหาสุมทรและแผ่น เปลือกโลก ในการเกิดแผ่นดินไหวแต่ละครั้งจะเกิดซีสมิค นอยซ์ขึ้น ถ่ายทอดออกไปไกลมากอาจถึงขนาดวนรอบโลกได้หลายรอบ และก่อให้เกิดการปริแตกของแผ่นเปลือกโลกในจุดที่เปราะบางได้ จากการตรวจสอบซีสมิค นอยซ์ของแผ่นดินไหวเมื่อ 3 ปีก่อนอย่างละเอียด ทีมวิจัยพบว่า แผ่นดินไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่เป็นอาณาบริเวณของภูเขาไฟมาก ที่สุด ในขณะที่พื้นที่ใกล้เคียงกับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวที่เป็นเปลือกโลกแข็ง จะไม่ได้รับผลสะเทือนมากเท่า เหตุผลก็คือ แผ่นเปลือกโลกบริเวณภูเขาไฟมีสภาพเปราะบางอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนั้น ยังมีสิ่งซึ่งเป็นของเหลวที่สะสมความร้อนกักเก็บอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นน้ำในอุณหภูมิเดือดพล่าน, ก๊าซ, แม็กมาหรือหินในสภาวะหลอมละลาย เป็นต้น แผ่นดินไหวเมื่อปี 2011 ไปเพิ่มแรงกดดันให้กับสภาพใต้ภูเขาไฟฟูจิซึ่งเป็นการเพิ่มสภาพไร้เสถียรภาพ ในบริเวณดังกล่าวให้มากขึ้นตามไปด้วย
ข้อมูลจาก มติชน |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|