ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ กล่าวย้ำขณะเยือนญี่ปุ่นในวันพุธ (26 ต.ค.) ต้องการให้อเมริกาถอนกำลังจากฟิลิปปินส์ภายใน 2 ปี และพร้อมยกเลิกข้อตกลงทางทหารกับมหามิตรเก่าแก่นี้ หากจำเป็น แต่ขณะเดียวกันเขาก็ยืนยันกับญี่ปุ่น ว่า การเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเป้าหมายทางเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการทหารแม้แต่น้อย แถมบอกว่าเมื่อถึงเวลาจะยืนอยู่ฝ่ายโตเกียวในกรณีพิพาททะเลจีนใต้ เขาจึงอยากให้ฟิลิปปินส์ปลอดจากกองทหารต่างชาติ โดยเขาต้องการให้ทหารเหล่านี้ออกไป ซึ่งอาจเป็นไปได้ใน 2 ปีหน้า และหากจำเป็น เขาก็พร้อมทบทวนหรือยกเลิกข้อตกลงที่มีฐานะเป็นข้อตกลงระหว่างฝ่ายบริหาร ต้องการให้อเมริกาถอนทหารออกจากมินดาเนา เนื่องจากรังแต่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด โดยบนเกาะดังกล่าวมีกลุ่มนักรบอิสลามที่ก่อความรุนแรงเพื่อแบ่งแยกดินแดนมานานหลายสิบปี ขณะเดียวกัน ข้อตกลงทางการทหารที่ดูเตอร์เตพูดถึง ก็ดูจะหมายถึงข้อตกลงเพิ่มพูนความร่วมมือด้านกลาโหม (EDCA) ระหว่างฟิลิปปินส์ กับสหรัฐฯ ปี 2014 ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ กับ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมะนิลา ในเวลานั้น และไม่มีการเสนอให้รัฐสภารับรองให้สัตยาบัน จึงถือเป็นข้อตกลงของฝ่ายบริหาร มะนิลาจะเคารพพันธะหน้าที่ตามสัญญาตราบที่ผลประโยชน์ร่วมของสองประเทศสอดคล้องต้องกัน และไม่มีเหตุผลที่จะต้องยกเลิกข้อตกลงต่าง ๆ ในขณะนี้แต่อย่างใด โดยมีจุดประสงค์เพื่อโน้มน้าวให้ผู้บริหารแดนอาทิตย์อุทัย เชื่อว่า ฟิลิปปินส์เปิดกว้างรับธุรกิจ หลังจากแสดงท่าทีต้องการตีจากพันธมิตรทางการทูตดั้งเดิมหลายชาติ ขณะที่เยือนจีนนั้น ดูเตอร์เต แสดงท่าทีมุ่งปรับความสัมพันธ์กับปักกิ่งอย่างเต็มที่ โดยนอกจากไม่กดดันให้แดนมังกรต้องปฏิบัติตามคำตัดสินเรื่องข้อพิพาททะเลจีนใต้ของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรในกรุงเฮกแล้ว เขายังตกลงให้เปิดการเจรจาทวิภาคีกันใหม่กับฝ่ายจีน เพื่อแก้ไขข้อพิพาทที่มีระหว่างกัน ทำให้ปักกิ่งพออกพอใจมาก และมีการยกเลิกข้อห้ามส่งกล้วยและสับปะรดของฟิลิปปินส์ไปขายในจีน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยถูกเพื่อใช้ในโครงการพัฒนาต่าง ๆ แก่มะนิลา 9,000 ล้านดอลลาร์ ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องอาวุธ หรือการประจำการทางทหาร หรือการเป็นพันธมิตรกันแต่อย่างใด ขณะที่อ่านคำแถลงซึ่งเตรียมไว้ ดูเตอร์เต ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “วันนี้เราได้ดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า สายสัมพันธ์ของเราจะยังคงมีชีวิตชีวา และจะเพิ่มความเข้มแข็งขึ้นอีกมากในหลาย ๆ ปีข้างหน้า” ข้อมูลจาก ผู้จัดการ ออนไลน์ |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|