มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งยิ่งเมื่อคุณย่าผู้สูงวัยญี่ปุ่น อายุ 82 ปี ประกาศจะต่อสู้กับ"ชีวิตอาภัพเจ็บปวด"อีกครั้งแม้ว่าเธอจะต้องสูญเสียบ้าน ให้กับเหตุการณ์โศกนาฎกรรมถึงสองครั้งสองคราจากเหตุการณ์ระเบิดสงครามโลก ครั้งที่สอง และเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ถล่มบ้านของเธอ จนราบพัง "ยาชิโยะ ไอโกมะ"ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่กับลูกชายในร้านค้าที่เขตเคเซนนุมา เมืองมิยางิ ต้องทำงานและรักษาหัวใจอันเข้มแข็งหลังจากภัยพิบัติได้ทำลายยับบ้านรักของ เธอถึงสองครั้งในชีวิต มันเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ยากจะมีใครเหมือนเธอ ทว่าคติประจำใจของเธอมีง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไรเลย นั่นคือ "หากเราทำงานหนัก เราก็จะพบความสุขอีกครั้ง" สามวันหลังจากเกิดเหตุสึนามิถล่ม เป็นช่วงเวลาที่หญิงสูงวัยรายนี้ กำลังเดินทางกลับจากบ้านญาติในเขตเคเซ็นนุมา แต่เธอต้องได้พบพานกับภาพบ้านตัวเองกลายเป็นซากพังทลาย และเหล็กที่บิดเกลียว ย้ำภาพเลวร้ายในอดีตเหมือนที่เธอเคยประสบการณ์เมื่อ 66 ปีก่อน |
"ในเมืองไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้เลย เหมือนกับเหตุการณ์เครื่องบินจู่โจมเมื่อครั้งสงคราม"เธอบรรยาความรู้สึก ย้อนกลับไปในอดีต ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 20 มี.ค.ปี 1945 คุณย่าไอโกมะ ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนสาวที่ฝันอยากจะเป็นครู แต่เมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น เธอและครอบครัวที่เหลือต้องหนีเข้าไปยังหลุมหลบภัย และ ณ จุดนั้น เธอได้ยินเพียงเสียงระเบิดนับไม่ถอยแหวกอากาศกระทบพสุธาดังกึกก้องสนั่น หวั่นไหว อีกเพียงไม่กี่ชม.ต่อมา เมื่อเธอและครอบครัวออกมาจากหลุมหลบภัย พื้นที่โดยรอบถูกห้อมล้อมไปด้วยเพลิงไหม้ และบ้านของเธอในเมืองทาบาตะ ถูกไฟเผาไหม้ เธอกุมแขนแม่ไว้อย่างแน่น และเมื่อครอบครัววิ่งหนี โรงเรียนประถมที่พวกเธอมาถึงอัดแน่นไปด้วยผู้อพยพ พร้อมด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไปถึงอากาศ พ่อของเธอบอกว่า"บ้านพวกเราพังหมดแล้ว"ก่อนจะร่ำไห้น้ำตานองหน้า การโจมตีในคราวนั้นเกิดขึ้นจากน้ำมือของระเบิดจำนวน 300 ลูก ส่งผลให้มีชาวญี่ปุ่นตายนับแสน และบ้านเรือนกว่า 270,000 หลังคาเรือนต้องถูกทำลายพินาศ ก่อนช่วงสิ้นสงคราม คุณย่าไอโกะมะ อาศัยอยู่ในเขตเคเซนุมะ ซึ่งเป็นแหล่งสถานที่ครอบครัวพ่อของเธออาศัยอยู่ โศกนาฎกรรมครั้งนี้ทำให้เธอต้องทิ้งความฝันที่จะเป็นครู และเริ่มหันมาทำงานเป็นครั้งแรกในชีวิต และในโรงงานที่เธอทำอยู่ ทำให้เธอได้พบกับสามี และแต่งงานกันเมื่อเธออายุเพียง 20 เธอมีทายาท 3 คน และเริ่มเปิดร้านค้า ก่อนจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง และโรงงานผลิตอาหารกลางวัน ต่อมา เธอได้ปล่อยกิจการโรงงานให้ลูกสาวและลูกเขตดูแล แต่เธอยังคงมาเยี่ยมโรงงานแห่งนี้บ่อย ๆ และแม้ว่าหลังจากที่เธอได้เสียสามี คุณย่าไอโกมะ ก็มีความสุขกับลูก ๆ และหลานๆ ของเธอ แต่ทว่าชีวิตของเธอก็พลิกผันอีกรอบอย่างเหลือเชื่อ จากเหตุสึนามิถล่มญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. |
ในเหตุการณ์นั้น คุณย่าไอโกมะ อยู่ในบ้าน และเธอรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว และเพียงไม่กี่นาม่ต่อมา เธอขับรถหลานชายออกมาและสามารถรอดหนีสึนามิได้ แต่บ้านของเธอถูกทำลาย แต่แม้ชีวิตจะพานพบโศกนาฎกรรมเลวร้ายถึงสองครั้งในชีวิต แต่คุณย่าไอโกมะก็ยังมองโลกในแง่ดี หลังจากน้ำและไฟกลับคืนสู่ปกติ เพื่อนบ้านได้นำข้าวมาให้เธอ ขณะที่เธอได้นำข้าวไปทำเป็นข้าวปั้น และแจกจ่ายให้แก่ผู้คนจนได้รับความชื่นชมจากผู้ที่ได้รับอาหารจากเธอ ประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกว่า" การทิ้งความฝันจะไปโตเกียว,ความฝันจะเป็นครูและต้องมาใช้ชีวิตหนักหลังช่วง สงครามโลกมาแล้ว ไม่ใช่สิ่งผิดพลาด วินาทีนี้ คุณย่าไอโกะมะ ต้องอาศัยอยู่บ้านลูกชาย เธอช่วยเขาขายของ ซึ่งมีอาสามัครบรรเทาทุกข์ กลายเป็นลูกค้าประจำร้านของเธอ และเมื่อเธอรู้ว่าพวกเขามาจากโตเกียว เธอได้พูดคุยกับเขา บอกให้พวกเขารู้ว่าเธอก็ถูกเลี้ยงมาจากโตเกียว จนเธอเป็นที่รู้เป็นอย่างดีกับคนเหล่านี้ และกล่าวได้ว่า เธอไม่เคยขาดแคลนผู้คนรอบข้างกับชีวิตที่ต้อง"ปืนให้พ้น"จากโศกนาฎกรรมใหญ่ ในชีวิตถึงสองรอบ
ข้มอุลจาก มติชน ออนไลน์
|
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|