เกริ่นนำโดย : ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์
บุคคลลึกลับที่ใส่ชุดดำ ชอบแฝงตัวเองและทำอะไรที่รวดเร็ว นี่คือบุคคลิกเด่นๆของ นินจา ซึ่งเราเริ่มรู้จักนินจาจากการ์ตูนต่างๆ ของญี่ปุ่นที่เข้ามาฉายในไทยตั้งแต่ตอนเราเด็กๆ เราจะได้ดูการ์ตูนที่มีตัวเอกของเรื่องเป็นนินจา ยกตัวอย่างการ์ตูนที่ดังในบ้านเรา เช่น นินจาเต่า นินจาฮาโตริ ถ้าใหม่หน่อยในตอนนนี้ก็ต้องเป็น นินจานารูโตะ และในปัจจุบันก็มีภาพยนต์ที่เกี่ยวกับนินจาหลายเรื่อง ทำให้เราได้รู้จักกับนินจามากขึ้น
นินจาจะมีศิลปะการต่อสู้ที่รวดเร็ว และใช้อาวุธได้อย่างแม่นยำ การจะเป็นนินจาได้นั้นต้องเก่งในหลายๆ ด้าน ทั้งการต่อสู้ การใช้อาวุธ การพลางตัว ความรวดเร็ว ซึ่งบุคคลที่ทำแบบนี้ได้ต้องมีความอดทนและขยันฝึกฝนพัฒนาตนเอง ปัจจุบันได้มีการเผยแพร่ความรู้วิชานินจากันอย่างแพร่หลาย และได้มีการเปิดโรงเรียนสอนวิชานินจาขึ้นในประเทศไทยด้วย
ถ้าเกิดใครคิดว่าตัวเองชอบนินจาอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทราบที่มาของนินจาแล้วหละก็ วันนี้เราได้รวบรวมประวัติความเป็นมาของนินจามาให้ได้ดูกันว่า กลุ่มนินจาได้เกิดขึ้นอย่างไร เพื่อวัตถุประสงค์อะไร และมีอาวุธคืออะไรมาให้ได้ดูกันคะ |
ตัวอย่างการ์ตูนนินจาของญี่ปุ่นที่ฉายในประเทศไทย |
นินจา (忍者) หรือ ชิโนบิ (忍び) ความหมายคือ "ผู้คงทน"ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มนักฆ่า หรือสปาย ในช่วงสมัยเปลี่ยนการปกครองของประเทศญี่ปุ่น โดยขณะเดียวกันนินจาได้ถูกเปรียบเทียบกับซามูไร ซึ่งซามูไรเปรียบเหมือนนักสู้ที่ต่อสู้เบื้องหน้า ขณะที่นินจาเป็นนักสู้ที่ต่อสู้เบื้องหลัง นอกจากนี้มีการกล่าวกันว่ากลุ่มคนบางคนเป็นทั้งนินจาและซามูไรพร้อมกัน ในปัจจุบันไม่มีร่องรอยของบุคคลที่เป็นนินจาหลงเหลือ เหลือเพียงแต่ซามูไร สำหรับนินจาหญิงจะเรียกว่า คุโนะอิจิ |
เนื่องจากตามลักษณะของนินจาที่ได้ชื่อว่านินจาไม่เคยทิ้งร่องรอยอะไรไว้รวมถึงไม่กล่าวคุยโวเกี่ยวกับผลงานของตัวเอง ซึ่งทำให้ผลงานหรือชีวประวัติของนินจาถูกเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งเป็นการยากที่จะหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนินจา ในตำนานหนึ่งได้มีการกล่าวถึงมินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ ว่าได้มีเทนงูมาสอนวิชามินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะเพื่อฝึกฝนเป็นนินจา โดยในประวัติศาสตร์ได้มีกล่าวไว้ว่ามีพระชาวจีนรูปหนึ่งมาสอนเกี่ยวกับตำราพิชัยสงครามให้ แก่มินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ
โทงะคุเระ ริวได้กล่าวถึงนินจาในช่วงปลายยุคเฮอัน ไว้ว่านินจา ได้แบ่งออก เป็น 2 ฝ่ายหลัก คือ อิงะ และโคงะ ได้ร่วมต่อสู้กัน ซึ่งในนิยายหรือการ์ตูนจะกล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายนี้ |
ในยุคคามะคุระ ได้มีประวัติศาสตร์กล่าวไว้ถึง คุสุโนะกิ มาซาชิเงะ ได้ใช้เทคนิคในการรบซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับวิชานินจา ต่อมาในช่วง ยุคเซนโงกุ(หรือที่รู้จักกันว่าเป็นยุคสงคราม) ไดเมียวที่มีชื่อเสียงทุกคนมีนินจาอยู่ภายใต้การปกครองสำหรับการเป็นสปายแอบสืบข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ในยุคสงครามการรู้ข้อมูลและแผนการของฝ่ายข้าศึก จะทำให้มีชัยชนะเหนือกว่า ไดเมียวบางคนได้ถูกกล่าวว่าเป็นนินจาเอง ซานาดะ ยูคิมูระ หัวหน้ากลุ่มซานาดะ ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มนินจา หลังจากที่ซานาดะ ยูคิมูระนำกลุ่มทหารเพียง 3,000 คนปกป้องปราสาท สู้กับกองทัพ 50,000 คนของโทกุงาวะ ฮิเดทาดะ |
ในยุคเดียวกัน โทกุงาวะ อิเอยาสุ ได้มีการใช้นินจา จนท้ายที่สุดได้ชนะสงครามและตั้งตัวเป็นโชกุนของประเทศญี่ปุ่น มีการกล่าวถึงผลงานกลุ่มนินจา นำโดยฮัตโตริ ฮันโซ หัวหน้ากลุ่มนินจาฝ่ายอิงะ เป็นผู้นำทางให้อิเอยาสุหลบหนีออกมาในช่องเขานาระภายหลังจากที่ลอบโจมตีทัพของ โอดะ โนบุนากะ สงครามครั้งสุดท้ายที่มีการกล่าวถึงนินจา ในช่วงยุคของโชกุนโทกุงาวะ คือสงครามกลางเมืองที่ชิมาบาระ ของกลุ่มชาวนาที่โกรธแค้นฝ่าย
รัฐบาลที่เรียกเก็บภาษีแพง เมื่อสิ้นสุดสงครามนินจาเริ่มหมดหน้าที่ โดยนินจาบางคนได้มาเป็นโอนิวะบันชู กลุ่มรักษาความปลอดภัยของปราสาทเอโดะ ทำหน้าที่ปกป้องผู้ร้ายและขณะเดียวกันก็แอบสืบข้อมูลของไดเมียวคนอื่น นินจาคนอื่นจะเก็บตัวปลอมปนกับชาวนาโดยยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อพร้อมที่จะได้ใช้วิชานินจาที่อาจจะมีสงครามเกิดขึ้น ในช่วงยุค 200 ปีหลังจากของตระกูลโทกุงาวะ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น ทำให้ไม่มีการสืบต่อวิชานินจา โดยมีการสืบต่อผ่านทางปากต่อปากและคนสนิทเท่านั้น |
ในยุคเอโดะ นินจาได้เป็นที่นิยมในหนังสือและการแสดง วิชานินจาต่างๆ รวมทั้ง การล่องหน การกระโดดสูง การท่องมนต์นินจา และการเรียกกบยักษ์มาช่วยต่อสู้ ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้สำหรับใช้ประกอบในการแสดง เพื่อความบันเทิง |
อาวุธของนินจามีลักษณะเป็นอาวุธที่ซ่อนไว้ในร่างกาย คือ ซูริเคน (ดาวกระจาย) โบะ (กระบอง) นินจาเคน (ดาบนินจาซึ่งเล็กกว่าคะตะนะของซะมุไรแต่มีขนาดใหญ่กว่าวะกิซะชิ) คุนะอิ (มีดสั้น) |
ตัวอย่างอาวุธประจำตัวของนินจา |
ขอบคุณข้อมูลจาก sss513002 thaigoodview.com |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|