-
Section:
Japanese-Language Proficiency Test -
-
n3
รหัสสินค้า |
: |
N3Level2010 |
ราคา |
: |
290 บาท |
จัดทำโดย |
: |
โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น B.A.N.K (Basic and Advance Nippon Knowledge) อาจารย์แบงค์ |
รุ่น |
: |
N3Level2010 |
ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ |
: |
เพื่อให้รู้แนวข้อสอบที่จะออกข้อสอบวัดระดับN3 ในปี 2010 รวมไปถึงวิเคราะห์รูปแบบและการเปลี่ยนแปลงของข้อสอบภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ |
เก็งข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ระดับ 3 (N3) ปี 2010
ในตั้งแต่ปี 2010 นี้ ข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นจะเปลี่ยนเป็นระบบใหม่จากเดิม 4 ระดับ (1級-4級)กลายมาเป็น 5 ระดับ (N1-N5) ซึ่ง ก็มีผู้เรียนจำนวนมากที่ได้สอบถามกับอาจารย์ว่า ยังไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงมากนัก แนวข้อสอบระบบใหม่จะเป็นอย่างไร ยากขึ้น หรือง่ายลง หลายๆยังคงกังวล เกี่ยวกับเรื่องนี้กันอยู่นะครับ อาจารย์บอกกับลูกศิษย์เสมอว่า อย่าไปกังวลเกี่ยวกับการสอบระบบใหม่มากนักแน่นอนว่าในการสอบระบบใหม่นั้น รูปแบบโจทย์บางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป เราจึงจะต้องเตรียมพร้อมกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปให้ดีที่สุด แต่ ถึงการสอบจะเปลี่ยนไปยังไง ภาษาญี่ปุ่น ก็ยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดิม หลักการต่างๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหน ถ้าเราแม่นในเนื้อหาจริงๆ ข้อสอบจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราก็ทำได้อยู่ดีนะครับ
เพื่อให้เราเตริยมพร้อม อาจารย์อาจารย์จึงแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการสอบวัดระดับไว้ดังนี้นะครับ
ในการสอบระบบใหม่นี้ วัตถุ ประสงค์มีหลายอย่างนะครับ จุดที่เป็นเหตุหลักก็คือ รูปแบบโจทย์ในระบบเก่านั้น ให้ความได้เปรียบกับคนที่มีความสามารถในภาษาจีนมากเกินไป บางคนอาจจะไม่ได้คิดถึงตรงนี้ เพราะเราสอบกันที่ประเทศไทย แต่ถ้าไปดูที่ญี่ปุ่นจะพบว่า คนที่มีความสามารถทางด้านคันจิสูงๆ อย่างเช่น คนจีน คนมาเลเซีย คนไต้หวัน ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น จะสอบได้ระดับ 1กัน อย่างมากมาย ซึ่งขัดแย้งกับความสามารถทางการพูดของพวกเขาเป็นอย่างมาก อาจารย์ได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้ บางฟังแล้ว มีความสารถในการพูด อยู่แค่ระดับ 3 หรือ 4 แต่กลับสอบผ่านระดับ 1 หรือ 2 ได้กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนจีน เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า เริ่มเรียนได้แค่ ครึ่งปี ก็สามารถสอบผ่านระดับ 2 กัน ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างกับคนไทยอย่างพวกเรา ที่บางคน ใช้ความพยายาม เรียนกันหลายปี ถึงจะสอบผ่านได้ ตรงจุดนี้จึงเป็นจุดหลัก ในการเปลี่ยนแปลง จากระบบเก่า à ระบบ ใหม่ ทำให้ไม่ว่าคนชาติไหน ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ตรงจุดนี้ อาจารย์ถือว่า เป็นข้อได้เปรียบของคนไทยอย่างเราๆ มากกว่าเมื่อก่อนนะครับ วัตถุประสงค์อื่นๆ ในการเปลี่ยนแปลง การสอบ อย่างเช่น ความยากของข้อสอบระดับ 3 และระดับ 2 ต่างกันมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สอบ จึงได้ปรับเปลี่ยนระบบการสอบจากปัจจุบันที่มี 4 ระดับ เป็น 5 ระดับ นอกจากนี้การสอบระบบใหม่ จะให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เน้นทักษะการฟังและการอ่านให้มากขึ้น ตอนนี้เราจะไปดูรายละเอียดกันเลยนะครับ
N1
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 1 ในปัจจุบัน แต่ยากกว่าเล็กน้อย
|
N2
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 2 ในปัจจุบัน
|
N3
|
ระดับที่อยู่ระหว่างระดับ 2 และ 3 ในปัจจุบัน
|
N4
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 3 ในปัจจุบัน
|
N5
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 4 ในปัจจุบัน
|
|
วิชาที่สอบ
แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ
読む試験(ข้อสอบเชิงการอ่าน)เป็นการสอบ “文字(คันจิ)&語彙(คำศัพท์)&文法(ไวยากรณ์)และในส่วนของ読解 (การอ่าน)
聞く試験(ข้อสอบเชิงการฟัง)เป็นเป็นการสอบ “ 聴解 ” ซึ่งก็คือข้อสอบการฟังในการสอบระบบเก่า แต่จะแบ่งออกเป็นลักษณะโจทย์หลายส่วนที่หลากหลายกว่า แล้วแต่ระดับที่เราจะเลือกสอบนะครับ
|
|
ระดับ
|
รายละเอียด
|
N1
|
คันจิ,คำศัพท์ ,ไวยากรณ์ ,การอ่าน (110 นาที)
|
การฟัง ( 60 นาที)
|
N2
|
คันจิ,คำศัพท์ ,ไวยากรณ์ ,การอ่าน (105 นาที)
|
การฟัง ( 50 นาที)
|
N3
|
คันจิ,คำศัพท์ ( 30 นาที )
|
ไวยากรณ์ , การอ่าน ( 70 นาที)
|
การฟัง ( 40 นาที)
|
N4
|
คันจิ,คำศัพท์ ( 30 นาที )
|
ไวยากรณ์ , การอ่าน ( 60 นาที)
|
การฟัง ( 35 นาที)
|
N5
|
คันจิ,คำศัพท์ ( 25 นาที )
|
ไวยากรณ์ , การอ่าน ( 50นาที)
|
การฟัง ( 30 นาที)
|
|
|
ระบบความเท่าเทียมกันของคะแนน
เนื่องจากการจัดสอบในแต่ละครั้ง ระดับความยากง่ายของข้อสอบจะไม่เท่ากันทุกครั้งไม่มากก็น้อย ดังนั้น การสอบรูปแบบใหม่จึงมีการเปลี่ยนแปลงคือ คะแนนจากการสอบที่ถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกันนั้นจะมีการเปรียบเทียบเเบบเดียวกัน ด้วยวิธีที่เรียกว่า 「ความเท่าเทียมกัน」 ด้วยเหตุนั้น ถ้าเป็นการสอบระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะสอบกี่ครั้ง ก็สามารถนำคะแนนมาเทียบกันได้ การจัดระบบ ความเท่าเทียมกันนี้ ใช้เป็นเกณฑ์ในการสอบทางภาษาศาสตร์ในระดับสากล
|
|
JLPT Can-do list
ในใบแจ้งผลคะแนนจะมีรายการ JLPT Can-do บันทึกเป็นตัวอย่างให้ทราบ ผู้ที่สอบผ่านระดับนั้น ๆ มีความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นแต่ละทักษะ ในทางปฏิบัติจริงได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้สอบและบุคคลทั่วไปที่ดูผลสอบนี้ มีความเข้าใจผลการสอบในแต่ละระดับได้ชัดเจนมากขึ้น
|
|
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากระบบเก่า
|
- เปลี่ยนชื่อเรียกระดับในการสอบเพื่อไม่ให้สับสนกับระบบเก่า โดยขึ้นต้นด้วย N ที่สื่อ ทั้ง New (ความแปลกใหม่) และ Nihongo (ภาษาญี่ปุ่น)
- เพิ่มข้อสอบในส่วนของการฟังมากขึ้น เป็น 1 ใน 3 ของข้อสอบทั้งหมด ( จากเดิมคือ 1 ใน 4 )
- จะต้องสอบผ่านทุกส่วนจึงจะถือว่าสอบผ่าน ( เช่น ได้คะแนนรวมทั้งหมดสูง แต่คะแนนของการฟังไม่ถึงตามเกณฑ์ ก็ถือว่าสอบไม่ผ่าน เป็นต้น )
หมายเหตุ เกณฑ์ในการสอบผ่านของแต่ละระดับ จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ระดับที่จะสอบ อย่างเช่น นางสาว A เข้าสอบระดับ 2 ซึ่งมีเกณฑ์ในการผ่านของแต่ละ Part ไว้ที่ 60% ถ้า นางสาว A สอบส่วนใดส่วนหนึ่ง ได้คะแนนต่ำกว่า 60% แม้เพียงส่วนเดียว จะถือว่าสอบไม่ผ่านทันที ถึงแม้ว่านางสาว A จะได้คะแนนในส่วนอื่นๆสูงมากเท่าไรก็ตามนะครับ
- เพิ่มจำนวนการสอบจากเดิมที่กำหนดไว้ปีละ 1 ครั้ง เป็นปีละ 2 ครั้ง คือในเดือนกรกฎาคมและเดือนธันวาคม ของทุกปี และจัดสอบในวันที่เป็นวันอาทิตย์แรกของทุกๆเดือน
- การสอบในรูปแบบใหม่จะไม่มีการนำข้อสอบเก่ามาเผยแพร่ เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานของการสอบ
|
หมายเหตุ เนื่องจากรายละเอียดต่างๆของข้อสอบในแต่ละ Part ,จำนวนข้อ , ขอบเขตของเนื้อหา รวมถึงเนื้อหาในแต่ละ Partอย่างละเอียด และเนื้อหาสำคัญอื่นๆของการสอบมีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก และจำเป็นต้องใช้โจทย์ตัวอย่างประกอบเป็นจำนวนมาก อาจารย์จึงได้รวมรายะเอียดต่างๆเหล่านี้ ลงใน คู่มือ เก็งข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเหล่านี้ได้ จากคู่มือดังกล่าวนี้นะครับ
รายละเอียด คู่มือเก็งข้อสอบวัดระดับ ภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ ระดับ N3
เจาะลึก และ วิเคราะห์รายละเอียด รูปแบบ ของข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ N3 อย่างละเอียด
อธิบายถึงขอบเขตของเนื้อหาที่จะออกข้อสอบในระบบใหม่ N3 และข้อสอบส่วนต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างละเอียด
เก็งข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ N3 ทุก Part โดยอ้างอิงจากแนวข้อสอบจริง และรูปแบบข้อสอบและจำนวนข้อจะเหมือนรูปแบบข้อสอบจริงทุกอย่าง
ตัวอย่างข้อสอบใน Part การฟัง + CD Part การฟัง จากแนวข้อสอบการฟังในระบบใหม่ พร้อมเฉลยละเอียด Script การฟัง
รวมชุดคําศัพท์ Part การฟังที่ออกข้อสอบบ่อยๆ ทําให้ทําข้อสอบการฟังได้ง่ายขึ้น
พิเศษท้ายเล่ม กับตะลุยโจทย์ Part การอ่าน รวม passgae จากข้อสอบมากมาย เพื่อเตรียมพร้อมกับการสอบในระบบใหม่ พร้อมทั้งเฉลย passage อย่างละเอียด พร้อมแปลภาษาไทย
อธิบายถึงเกณฑ์ในการคิดคะแนนและการสอบระดับผ่าน รวมถึง การแจ้งคะแนน เป็นเกรด A,B,C
เทคนิคการทำข้อสอบระบบใหม่ N3 ให้ผ่าน
|
โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น B.A.N.K. อาจารย์แบงค์
Tel : 086-5470327(ฝ่ายสมัครเรียน สอบถามคอร์สเรียน และจองคอร์สเรียน)
086-4656032 (ฝ่ายหนังสือ)
02-2122067(Office ฝ่ายสมัครเรียน ฝ่ายหนังสือ และฝ่าย Talking Dict)
02-2122067 (Fax)
Email:
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
|
ในตั้งแต่ปี 2010 นี้ ข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นจะเปลี่ยนเป็นระบบใหม่จากเดิม 4 ระดับ (1級-4級)กลายมาเป็น 5 ระดับ (N1-N5) ซึ่ง ก็มีผู้เรียนจำนวนมากที่ได้สอบถามกับอาจารย์ว่า ยังไม่ค่อยเข้าใจในรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงมากนัก แนวข้อสอบระบบใหม่จะเป็นอย่างไร ยากขึ้น หรือง่ายลง หลายๆยังคงกังวล เกี่ยวกับเรื่องนี้กันอยู่นะครับ อาจารย์บอกกับลูกศิษย์เสมอว่า อย่าไปกังวลเกี่ยวกับการสอบระบบใหม่มากนักแน่นอนว่าในการสอบระบบใหม่นั้น รูปแบบโจทย์บางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป เราจึงจะต้องเตรียมพร้อมกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปให้ดีที่สุด แต่ ถึงการสอบจะเปลี่ยนไปยังไง ภาษาญี่ปุ่น ก็ยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่นเหมือนเดิม หลักการต่างๆไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหน ถ้าเราแม่นในเนื้อหาจริงๆ ข้อสอบจะเปลี่ยนไปอย่างไร เราก็ทำได้อยู่ดีนะครับ
เพื่อให้เราเตริยมพร้อม อาจารย์อาจารย์จึงแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการสอบวัดระดับไว้ดังนี้นะครับ
ในการสอบระบบใหม่นี้ วัตถุ ประสงค์มีหลายอย่างนะครับ จุดที่เป็นเหตุหลักก็คือ รูปแบบโจทย์ในระบบเก่านั้น ให้ความได้เปรียบกับคนที่มีความสามารถในภาษาจีนมากเกินไป บางคนอาจจะไม่ได้คิดถึงตรงนี้ เพราะเราสอบกันที่ประเทศไทย แต่ถ้าไปดูที่ญี่ปุ่นจะพบว่า คนที่มีความสามารถทางด้านคันจิสูงๆ อย่างเช่น คนจีน คนมาเลเซีย คนไต้หวัน ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น จะสอบได้ระดับ 1กัน อย่างมากมาย ซึ่งขัดแย้งกับความสามารถทางการพูดของพวกเขาเป็นอย่างมาก อาจารย์ได้มีโอกาสพูดคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้ บางฟังแล้ว มีความสารถในการพูด อยู่แค่ระดับ 3 หรือ 4 แต่กลับสอบผ่านระดับ 1 หรือ 2 ได้กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนจีน เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า เริ่มเรียนได้แค่ ครึ่งปี ก็สามารถสอบผ่านระดับ 2 กัน ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างกับคนไทยอย่างพวกเรา ที่บางคน ใช้ความพยายาม เรียนกันหลายปี ถึงจะสอบผ่านได้ ตรงจุดนี้จึงเป็นจุดหลัก ในการเปลี่ยนแปลง จากระบบเก่า à ระบบ ใหม่ ทำให้ไม่ว่าคนชาติไหน ไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบกัน ตรงจุดนี้ อาจารย์ถือว่า เป็นข้อได้เปรียบของคนไทยอย่างเราๆ มากกว่าเมื่อก่อนนะครับ วัตถุประสงค์อื่นๆ ในการเปลี่ยนแปลง การสอบ อย่างเช่น ความยากของข้อสอบระดับ 3 และระดับ 2 ต่างกันมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สอบ จึงได้ปรับเปลี่ยนระบบการสอบจากปัจจุบันที่มี 4 ระดับ เป็น 5 ระดับ นอกจากนี้การสอบระบบใหม่ จะให้ความสำคัญกับ ความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เน้นทักษะการฟังและการอ่านให้มากขึ้น ตอนนี้เราจะไปดูรายละเอียดกันเลยนะครับ
N1
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 1 ในปัจจุบัน แต่ยากกว่าเล็กน้อย
|
N2
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 2 ในปัจจุบัน
|
N3
|
ระดับที่อยู่ระหว่างระดับ 2 และ 3 ในปัจจุบัน
|
N4
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 3 ในปัจจุบัน
|
N5
|
ระดับที่ใกล้เคียงกับระดับ 4 ในปัจจุบัน
|
|
วิชาที่สอบ
แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ
読む試験(ข้อสอบเชิงการอ่าน)เป็นการสอบ “文字(คันจิ)&語彙(คำศัพท์)&文法(ไวยากรณ์)และในส่วนของ読解 (การอ่าน)
聞く試験(ข้อสอบเชิงการฟัง)เป็นเป็นการสอบ “ 聴解 ” ซึ่งก็คือข้อสอบการฟังในการสอบระบบเก่า แต่จะแบ่งออกเป็นลักษณะโจทย์หลายส่วนที่หลากหลายกว่า แล้วแต่ระดับที่เราจะเลือกสอบนะครับ
|
|
ระดับ
|
รายละเอียด
|
N1
|
คันจิ,คำศัพท์ ,ไวยากรณ์ ,การอ่าน (110 นาที)
|
การฟัง ( 60 นาที)
|
N2
|
คันจิ,คำศัพท์ ,ไวยากรณ์ ,การอ่าน (105 นาที)
|
การฟัง ( 50 นาที)
|
N3
|
คันจิ,คำศัพท์ ( 30 นาที )
|
ไวยากรณ์ , การอ่าน ( 70 นาที)
|
การฟัง ( 40 นาที)
|
N4
|
คันจิ,คำศัพท์ ( 30 นาที )
|
ไวยากรณ์ , การอ่าน ( 60 นาที)
|
การฟัง ( 35 นาที)
|
N5
|
คันจิ,คำศัพท์ ( 25 นาที )
|
ไวยากรณ์ , การอ่าน ( 50นาที)
|
การฟัง ( 30 นาที)
|
|
|
ระบบความเท่าเทียมกันของคะแนน
เนื่องจากการจัดสอบในแต่ละครั้ง ระดับความยากง่ายของข้อสอบจะไม่เท่ากันทุกครั้งไม่มากก็น้อย ดังนั้น การสอบรูปแบบใหม่จึงมีการเปลี่ยนแปลงคือ คะแนนจากการสอบที่ถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกันนั้นจะมีการเปรียบเทียบเเบบเดียวกัน ด้วยวิธีที่เรียกว่า 「ความเท่าเทียมกัน」 ด้วยเหตุนั้น ถ้าเป็นการสอบระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะสอบกี่ครั้ง ก็สามารถนำคะแนนมาเทียบกันได้ การจัดระบบ ความเท่าเทียมกันนี้ ใช้เป็นเกณฑ์ในการสอบทางภาษาศาสตร์ในระดับสากล
|
|
JLPT Can-do list
ในใบแจ้งผลคะแนนจะมีรายการ JLPT Can-do บันทึกเป็นตัวอย่างให้ทราบ ผู้ที่สอบผ่านระดับนั้น ๆ มีความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นแต่ละทักษะ ในทางปฏิบัติจริงได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้สอบและบุคคลทั่วไปที่ดูผลสอบนี้ มีความเข้าใจผลการสอบในแต่ละระดับได้ชัดเจนมากขึ้น
|
|
การเปลี่ยนแปลงอื่นๆที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากระบบเก่า
|
- เปลี่ยนชื่อเรียกระดับในการสอบเพื่อไม่ให้สับสนกับระบบเก่า โดยขึ้นต้นด้วย N ที่สื่อ ทั้ง New (ความแปลกใหม่) และ Nihongo (ภาษาญี่ปุ่น)
- เพิ่มข้อสอบในส่วนของการฟังมากขึ้น เป็น 1 ใน 3 ของข้อสอบทั้งหมด ( จากเดิมคือ 1 ใน 4 )
- จะต้องสอบผ่านทุกส่วนจึงจะถือว่าสอบผ่าน ( เช่น ได้คะแนนรวมทั้งหมดสูง แต่คะแนนของการฟังไม่ถึงตามเกณฑ์ ก็ถือว่าสอบไม่ผ่าน เป็นต้น )
หมายเหตุ เกณฑ์ในการสอบผ่านของแต่ละระดับ จะแตกต่างกันไปแล้วแต่ระดับที่จะสอบ อย่างเช่น นางสาว A เข้าสอบระดับ 2 ซึ่งมีเกณฑ์ในการผ่านของแต่ละ Part ไว้ที่ 60% ถ้า นางสาว A สอบส่วนใดส่วนหนึ่ง ได้คะแนนต่ำกว่า 60% แม้เพียงส่วนเดียว จะถือว่าสอบไม่ผ่านทันที ถึงแม้ว่านางสาว A จะได้คะแนนในส่วนอื่นๆสูงมากเท่าไรก็ตามนะครับ
- เพิ่มจำนวนการสอบจากเดิมที่กำหนดไว้ปีละ 1 ครั้ง เป็นปีละ 2 ครั้ง คือในเดือนกรกฎาคมและเดือนธันวาคม ของทุกปี และจัดสอบในวันที่เป็นวันอาทิตย์แรกของทุกๆเดือน
- การสอบในรูปแบบใหม่จะไม่มีการนำข้อสอบเก่ามาเผยแพร่ เพื่อเป็นการรักษามาตรฐานของการสอบ
|
หมายเหตุ เนื่องจากรายละเอียดต่างๆของข้อสอบในแต่ละ Part ,จำนวนข้อ , ขอบเขตของเนื้อหา รวมถึงเนื้อหาในแต่ละ Partอย่างละเอียด และเนื้อหาสำคัญอื่นๆของการสอบมีรายละเอียดเป็นจำนวนมาก และจำเป็นต้องใช้โจทย์ตัวอย่างประกอบเป็นจำนวนมาก อาจารย์จึงได้รวมรายะเอียดต่างๆเหล่านี้ ลงใน คู่มือ เก็งข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเหล่านี้ได้ จากคู่มือดังกล่าวนี้นะครับ
รายละเอียด คู่มือเก็งข้อสอบวัดระดับ ภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ ระดับ N3
เจาะลึก และ วิเคราะห์รายละเอียด รูปแบบ ของข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ N3 อย่างละเอียด
อธิบายถึงขอบเขตของเนื้อหาที่จะออกข้อสอบในระบบใหม่ N3 และข้อสอบส่วนต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างละเอียด
เก็งข้อสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระบบใหม่ N3 ทุก Part โดยอ้างอิงจากแนวข้อสอบจริง และรูปแบบข้อสอบและจำนวนข้อจะเหมือนรูปแบบข้อสอบจริงทุกอย่าง
ตัวอย่างข้อสอบใน Part การฟัง + CD Part การฟัง จากแนวข้อสอบการฟังในระบบใหม่ พร้อมเฉลยละเอียด Script การฟัง
รวมชุดคําศัพท์ Part การฟังที่ออกข้อสอบบ่อยๆ ทําให้ทําข้อสอบการฟังได้ง่ายขึ้น
พิเศษท้ายเล่ม กับตะลุยโจทย์ Part การอ่าน รวม passgae จากข้อสอบมากมาย เพื่อเตรียมพร้อมกับการสอบในระบบใหม่ พร้อมทั้งเฉลย passage อย่างละเอียด พร้อมแปลภาษาไทย
อธิบายถึงเกณฑ์ในการคิดคะแนนและการสอบระดับผ่าน รวมถึง การแจ้งคะแนน เป็นเกรด A,B,C
เทคนิคการทำข้อสอบระบบใหม่ N3 ให้ผ่าน
Tags: N3สอบวัดระดับ2010 | ข้อสอบN3 | สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นN3 | เก็งข้อสอบภาษาญี่ปุ่นN3
แก้ไขล่าสุด ใน วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2020 เวลา 21:30 น.