นี่ๆ วันนี้เราจะไปสอบใบขับขี่นะ ได้ยินแบบนี้ คนไทยอย่างเราๆหลายๆคนก็คงจะไม่ได้คิดอะไร และคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆที่จะได้ใบขับขี่ คนที่มีทักษะหน่อย บางที ลองฝึกขับเองสักสองถึงสามวัน ก็สามารถไปสอบใบขับขี่ได้แล้ว โดยส่วนใหญ่ คนไทยอย่างเราๆ จะไม่นิยมไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ แต่จะให้คนที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ สอนให้ หรือถ้าบางคนให้พ่อแม่สอนแล้วกลัวทะเลาะกัน ก็จะไปให้คนใกล้ตัวอย่างแฟน หรือเพื่อน สอนให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยากอะไรมากมายนัก แต่ที่ญี่ปุ่น การสอบใบขับขี่นั้น อาจารย์ขอบอกเลยนะครับว่า วุ่นวายมากๆ มีขั้นตอนเยอะแยะไปหมดบอกได้เลยว่าเป็นงานหนัก ไม่ว่าจะเป็นคนญี่ปุ่นเองหรือคนต่างชาติก็ตาม กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น ถ้าใครอยากขับรถในประเทศญี่ปุ่น อาจารย์แนะนําให้ทําใบขับขี่ทั่วไปที่ไทยก่อน แล้วค่อยไปเปลี่ยนเป็นใบขับขี่สากลจะเป็นเรื่องง่ายที่สุด •แต่ถ้าใครอยากจะลองของ ว่าตนเองขับรถเก่ง หรือแข็ง ลองไปสอบใบขับขี่ได้ที่ญี่ปุ่น ถ้าใครไปลองสอบแล้วจะทำให้ความรู้สึกที่ชอบญี่ปุ่นนั้น ลดลงไม่มากก็น้อยล่ะครับ เพราะวุ่นวายมากๆ สาเหตุที่บอกว่าวุ่นวายมากๆ เนื่องจาก nature ของคนไทยที่เวลาไปสอบใบขับขี่คือ วันเดียวเสร็จ คนที่เคยไปสอบจะรู้ดี คือช่วงเช้าสอบข้อเขียน รอผลคะแนน ถ้าผ่านปุ้ป ก็ไปสอบปฏิบัติ รอบเดียว ฝึกเข้าซอง ถ้าผ่านก็คือจบ มันเป็นอะไรที่ง่ายและสบายเอามากๆ แต่การสอบใบขับขี่ที่ญี่ปุ่นนั้น มันไม่ใช่รอบเดียวแน่นอนครับ หลายรอบจนนับแทบไม่ได้
ขั้นตอนคือในการสอบใบขับขี่ที่ญี่ปุ่น คือต้องมีคนรับรอง เพื่อให้มีสิทธิ์ที่จะไปสอบใบขับขี่ โดยผู้รับรองจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากโรงเรียนสอนขับรถยนต์ ดังนั้นทุกคนที่คิดจะไปสอบ จะต้องเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถยนต์เสมอ จุดนี้คือจุดที่แตกต่างเป็ยอย่างมากกับบ้านเรา การฝึกขับนั้นก็แตกต่างกันโดยจะต้องเป็นการฝึกขับที่โรงเรียนเป็นผู้สอนแบบมาตรฐาน ไม่ใช่หัดขับเองแล้วไปสอบ ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทําคือ ไปสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ ตอนสมัครต้องเตรียมเงินค่าเล่าเรียนไปเยอะๆ เพราะว่ากว่าจะจบคอร์ส(ใช้เวลาหลายสัปดาห์) ก็คงใช้เงินเกือบแสนบาท ขอเน้นว่า ไม่ผิดหรอกนะครับ เกือบแสนบาทเลยทีเดียว ที่โรงเรียนสอนขับรถก็จะมีสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ แต่ตอนสอบมีแค่สอบภาคปฏิบัติเท่านั้น ถ้าผ่านก็เอาใบรับรองที่ออกให้จากทางโรงเรียนไปยื่นสมัครสอบข้อเขียนที่ ศูนย์สอบ การสอบต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎจราจรให้มากๆ คะแนนต้องมากกว่า 90% ถึงจะผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็สอบอีกไปเรื่อยจนกว่าจะผ่าน แต่ส่วนมากครั้งเดียวก็ผ่าน การขับรถอย่างปลอดภัย ไม่ทําผิดกฎจราจร หัดจนเก่งก่อนจะลงสนามจริง เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามองจากคนไทย กะไอ้แค่ใบขับขี่ ทําไมต้องยุ่งยากขนาดนี้ ค่าเล่าเรียนแพงก็แพง แถมยังต้องเสียเวลาไปเรียนขับรถ ฟังบรรยายอีก ของพวกนี้คนไทยทําเองได้...ไม่จําเป็น...ให้คุณพ่อสอนขับรถซักสัปดาห์นึง แล้วก็ไปถอยหน้าถอยหลังให้เจ้าหน้าที่ดูเป็นพิธีก็เสร็จแล้ว นี่คือสังคมไทย แต่ที่ญี่ปุ่นเอาวิธีนี้ไปใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะคนที่ไปหัดขับรถ ต้องพยายามถ่อมตัว ทําตัวเป็นเด็กว่าง่าย ไม่ควรเถียงครูฝึก ถ้าเราเถียงปุ้ป เขาให้ตกเลยนะครับ เขาอยากให้เราทําอะไรก็ทําตามเขา ถึงแม้หลายอย่างจะดูเวอร์ๆไปหน่อยก็ตาม เช่น เวลาเลี้ยวหรือออกรถ นอกจากต้องมองกระจกแล้ว ยังต้องมองด้านข้างโดยหมุนคอให้ได้อย่างน้อย 90 องศา ถ้าหมุนไม่ได้ 90 องศาจะโดนหักแต้ม ต้องเปิดไฟเลี้ยวก่อน 15 วินาที ก่อนที่จะเลี้ยว ถ้าเร็วหรือช้าเกินไปจะถูกหักแต้ม(อันนี้ยากมาก) ยังมีอีกหลายอย่างที่ดูแล้ว เหมือนจะไม่จําเป็น แต่ก็อย่าไปเถียง หลับหูหลับตาฟังเอาไว้จะดีต่อตัวเอง ไม่งั้นต้องมาเรียนใหม่ สอบใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด ภาคทฤษฎีที่เกี่ยวกับฎจราจรตั้งใจฟังเอาไว้ก็ดีมีประโยชน์แน่ๆ แต่ถ้าคิดเพียงแค่ต้องการสอบให้ผ่านเท่านั้นก็ไม่จําเป็นต้องฟัง อยากหลับ หลับ ขอเพียงไปให้ครบจํานวนวันที่เขากําหนดเอาไว้ก็พอ แล้วเวลาสอบข้อเขียนก็ไปหาซื้อหนังสือติวข้อสอบมาอ่าน ท่องเข้าไว้ รับประกันผ่าน
สรุปแล้ว คนญี่ปุ่นกว่าจะได้ใบขับขี่ ต้องเสียทั้งเงินและเวลา คนญี่ปุ่นส่วนมากจะสอบใบขับขี่ตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เพราะถ้าจบไปแล้วคงหาเวลายาก ได้ใบขับขี่มาแล้วก็ต้องรักษาเอาไว้ดีๆ ถ้าทําผิดกฎจราจรถูกจับเมื่อไหร่จะโดนหักแต้ม ถ้าโดนหักไปเรื่อยๆจนคะแนนหมดเมื่อไหร่ก็จะโดนยึดใบขับขี่ ถ้าต้องการเอากลับมาก็ต้องกลับไปเรียนคอร์สเสริมฝึกมารยาทการขับรถกันใหม่ เรียนใหม่ สอบใหม่ มันน่าเบื่อ ใครที่ขับรถอยู่ที่ญี่ปุ่นควรระวัง
จุดที่ต้องระวังมากที่สุดอีกจุด คือ คนที่ขับรถ ห้ามกินเหล้า หรือเบียร์เลย แม้แต่จิบเดียวก็ตาม โดยถ้าฝ่าฝืนจะโดนปรับ และโดนยึดใบขับขี่ที่อุตส่าห์ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งสังคมญี่ปุ่นถึงแม้ว่าจะเป็นสังคมที่ชอบการกินเหล้าสังสรรค์ กันแต่ทุกคนก็ปฏิบัติตามกันได้อย่างน่าชื่นชม โดยคนที่ขัยรถและเผลอกินเหล้า หรือเบียร์เข้าไป เขาจะต้องไปจ้างคนขับรถแทนตัวเราเองขับรถโดยให้เราเป็นผู้นั่งไปส่งที่บ้าน ภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า 代行 เหล่านี้คือสิ่งที่แตกต่างในการสอบใบขับขี่ในญี่ปุน และในไทย อาจารย์คิดว่าคงจะเป็นสิ่งที่น่ารู้สำหรับผู้เรียนหรือผู้ที่ชื่นชอบในภาษาญี่ปุ่นไม่มากก็น้อยนะครับ ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นข้อคิดให้เราได้ว่า เกิดที่ไทย สบายสุดแล้วนะครับ เนื้อเรื่องโดย อาจารย์แบงค์ ภาพประกอบโดย ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ www.ajarnbank.com |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|