วาซาบิ (「ワサビ」, wasabi, )ถ้าเอ่ยถึงชื่อนี้ อาจารย์คิดว่าใครหลายๆคนคงรู้จักดีนะครับ และคงมีภาพที่นึกขึ้นมาในหัวว่า เป็นก้อนสีเขียวๆที่ถูกบดมา ซึ่งมีกลิ่นฉุนมาก หลายๆคนที่เคยลองกินอาจจะติดใจในความฉุนของมัน ในทางกลับกัน หลายๆคนอาจจะแพ้ทางวาซาบิ จนกลายเป็นของต้องห้ามเลยก็มี แต่จะมีใครรู้บ้างไหมครับว่า วาซาบินั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายเรา จนมีคำกล่าวที่ว่า คนญี่ปุ่นที่อายุยืนมากกว่าคนในประเทศอื่นๆนั้นก็เพราะเจ้าวาซาบินั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้อายุของพวกเขานั้นยืน เป็นธรรมเนียมเช่นเดิมนะครับ เนื่องจากเป็นบทความของทางสถาบันสอนภาษาญี่ปุ่น บทความของอาจารย์ทุกบทความจะมีการสอนภาษาญี่ปุ่นแทรกไปด้วยเล็กๆน้อยๆ ครั้งนี้ก็เช่นกันนะครับ วาซาบิ เขียนด้วยตัวฮิระงะนะในภาษาญี่ปุ่นว่า わさび ซึ่งก็เป็นส่ิ่งที่ไม่ยาก และผู้เรียนญี่ปุ่นทุกคนควรจะเขียนได้ หลายๆคนเห็นฮิระงะนะจนชิน จนนึกไปเองว่า คำศัพท์ญี่ปุ่นคำนี้ไม่มีคันจิ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ わさびจะเขียนด้วยคันจิได้ดังนี้นะครับ คือ 山葵 ซึ่งจะมาจากคันจิตัว 山(やま)=ภูเขา ซึ่งเป็นคันจิในภาษาญี่ปุ่นระดับ N5 ง่ายสุด และคันจิในระดับ N1 คือ 葵(あおい)=พืชไม้ดอกที่มีสีม่วง
เป็นเครื่องปรุงที่ทำมาจากการบดลำต้นของพืช Canola (Japanese horseradish) จัด เป็นไม้ยืนต้นที่อยู่ในตระกูลเดียวกับพวกบรอกโคลีและกะหล่ำ เป็นสมุนไพรดั้งเดิมของญี่ปุ่น สามารถปลูกได้ทั้งบนดิน และพื้นน้ำ โดยปลูกบนพื้นน้ำจะให้คุณภาพที่ดีกว่า ในหลายประเทศมักจะเรียกวาซาบิกันผิดๆ ว่าฮอร์สแรดิชญี่ปุ่น ฮอร์สแรดิชสีเขียว หรือแม้แต่มัสตาร์ดญี่ปุ่น หลายๆคนคงเคยกิน วาซาบิ แต่อาจจะไม่รู้เลยว่า วาซาบินั้นจริงๆแล้วมาจากลำต้นของต้นวาซาบิ ตามรูปด้านล่างที่อาจารย์นำมาให้ดู คือรูปของต้นวาซาบิจริงๆก่อนที่จะผ่านการบดมาเป็นวาซาบิละเอียดๆที่เรากินกันครับ
ลักษณะของวาซาบิญี่ปุ่น ใบของวาซาบิจะคล้ายกับดอกของต้นโฮลีฮอค ต้นมีความสูงแค่เข่า ส่วนโคนลำต้นที่ใช้ในการทำอาหารมีลักษณะเป็นหัวเหมือนหัวไชเท้าหรือบอระเพ็ดแต่ เป็นสีเขียวอ่อนๆ เมื่อบดแล้วมีกลิ่นที่ฉุนรุนแรง ถ้ารับประทานจะให้ความรู้สึกแสบร้อนขึ้นจมูกในระยะสั้นๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความกลมกล่อม ทั้งหวานและขมผสมกันไป วิธีทำวาซาบิ นำส่วนโคนลำต้นที่มีความหนาออกมาใช้ และหลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นส่วนรากของมัน จริงๆไม่ใช่นะครับ ตามรูปที่อาจารย์นำมาให้ดู ส่วนที่ใช้ทำวา่ซาบิ คือส่วนลำต้นที่ฝังอยู่ใต้ดิน โดยเวลาจะนำไปรับประทาน หรือประกอบอาหารนั้นจะต้องมีกรรมวิธีพิเศษคือนำไปวาซาบิไปฝนกับเครื่องฝนพิเศษที่ทำมาจากเหงือกปลาฉลาม (Wasabi Oroshi) ซึ่งจะมีปุ่มขนาดเล็กๆ จนทำให้ผลวาซาบิละเอียดจนมีลักษณะคล้ายครีมสีเขียวหลังจากนั้นก็นำไปผสมกับโชยุใช้นำไปน้ำจิ้มสำหรับปลาดิบ (ซะชิมิ, sashimi)หรือ ซูชิ (sushi) เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น แหล่งเพาะปลูก แหล่งที่ปลูกวาซาบิจะอยู่ที่ภูเขา ตามชื่อคันจิมัน และจะต้องเป็นแหล่งธรรมชาติที่มีน้ำสะอาดบริสุทธ์ การปลูกวาซาบินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องลงทุนค่อนข้างสูง พืชชนิดนี้มักจะปลูกในที่โล่งแต่จะต้องมีการจำกัดปริมาณแสงแดดไม่ให้ส่องลง มาถูกต้นพืชโดยตรงในช่วงฤดูร้อน
เนื่องจากมีแหล่งปลูกที่จำกัดจึงทำให้วาซาบิมีราคาค่อนข้างสูง ที่ประเทศไทยนั้นตามร้านอาหารมีระดับ หรือตามโรงแรมบางแห่งเท่านั้นที่จะใช้โคนต้นวาซาบิสดบดเพราะต้องนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นด้วย ราคากิโลกรัมละหลายพันบาท จากการที่วาซาบิของจริงๆนั้นมีราคาสูง ร้านอาหารในไทยส่วนใหญ่จะใช้วาซาบิของปลอม หรือที่เรียกกันว่าเป็นผงวาซาบิซึ่งมีลักษณะเป็นผงสีเขียวและปรุงแต่กลิ่นและสี เพิ่มขึ้น
แม้ว่าผลิตผลจะมีรสเผ็ดเกินกว่าที่จะนำมารับประทานเดี่ยวๆ แต่ก็ได้รับการสั่งนำเข้าจำนวนมากจากบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น เพื่อที่จะนำมาผสมผสานกับเครื่องปรุงอื่นๆ เช่น หัวไชเท้าและเครื่องเทศ ที่เรียกกันว่า เนริวาซาบิ และตลาดของเครื่องปรุงเนริวาซาบิ มีมูลค่าถึง 16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ในขณะที่วาซาบิแบบดั้งเดิมมีมูลค่าในตลาด 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปี ประโยชน์ของวาซาบิ มาถึงจุดสำคัญแล้วนะครับ วาซาบินั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย กลิ่นฉุนของชาติวาซาบินั้นจะช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารทะเลได้ทุกชนิด เพราะสารที่อยู่ในวาซาบิเมื่อฝนเป็นแป้งกระทบกับออกซิเจนในอากาศ จะเกิดปฏิกิริยาเป็นทั้งกลิ่นและรสที่ฉุนรุนแรง สารนี้จะมีประโยชน์ในการกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ขับออกมาช่วยในการย่อย อีกทั้งในวาซาบิยังอุดมด้วยวิตามินซี สรรพคุณทางยาของวาซาบิญี่ปุ่น (ต้องเป็นของแท้นะครับ)
วาซาบินอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวแล้วยังมีสรรพคุณทางยาดังนี้
จากที่กล่าวมาด้านบน จะเห็นว่าวาซาบิมีประโยชน์ต่อร่างกายเรามากๆครับ ใครที่กินไม่ได้ ลองกินดูสักนิดนะครับ เพื่อร่างกายและอายุที่ยืนยาวครับ
เนื้อเรื่องโดย อาจารย์แบงค์ ภาพ By ทีมงาน โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ www.ajarnbank.com |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|