โอไดบะ ชื่อนี้อาจจะเป็นที่รู้จักของนักเที่ยวญี่ปุ่นหลายๆคน หรืออาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของใครๆอีกหลายคน ณ กรุงโตเกียวนครหลวงอันเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่โตมีผุ้คนมากมาย แน่นขนัด ของประเทศญี่ปุ่น มีสถานที่หนึ่ง ที่ได้ซ่อนความสวยงาม และน่าตรึงตราตรึงใจของทุกคนที่ได้ไปสัมผัส สถานที่ที่ว่าคือ โอไดบะ ซึ่งสถานที่ที่เรียกได้ว่าสวยงามและโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งยามค่ำคืนในญี่ปุ่น จากรูปแรกที่ทางทีมงาน ajarnbank ได้ นำมาลง ใครหลายคนเห็นคงไม่นึกว่านี่คือประเทศญี่ปุ่นนะคะ แต่อาจจะจะคิดว่าคือ อเมริกา ในความเป็นจริงแล้ว ที่นี่ก็คือที่ญี่ปุ่นแหละค่ะ แต่เป็นโอไดบะ สถานที่ที่มี เทพีเสรีภาพตั้งอยู่ เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของโอไดบะเลย |
โอไดบะ ( お台場 ) ในอดีตนั้น เคยเป็นแผ่นดินที่ถูกสร้างขึ้นโดยการนำขยะมาผสมกับคอนกรีตเพื่อถมทะเล ในอดีตโอไดบะถูกสร้างเพื่อเป็นหน้าด่านป้องกันการบุกรุกทางทะเล แต่ต่อมาได้มีการวางแผนเพื่อที่จะเปลี่ยนโอไดบะให้เป็นสถานที่แห่งใหม่ทางเศรษฐกิจ เพื่อรองรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ดันมาเกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจโลกเป็นฟองสบู่แตกซะก่อน ทุกอย่างจึงหยุดชะงัก โอไดบะเวอร์ชั่นปัจจุบันจึงเป็นความพยายามรอบใหม่ในการใช้พื้นที่นี้ให้เป็นประโยชน์ โดยการนำห้างสรรพสินค้าต่างๆมาตั้งขึ้น และพยายามสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว จนในตอนนี้ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมเลยทีเดียว |
คนไทยอาจจะรู้จักโอไดบะในหลากหลายมุมนะคะ แต่สำหรับคนญี่ปุ่น .. ที่นี่เป็นอีกที่ที่คนญี่ปุ่นนิยมมาเดินพักผ่อน โดยเฉพาะคู่รัก ..หากใครมาเห็นแล้วจะรู้สึกว่าที่นี่มันเหมาะกับการออกเดทมากๆ วิวสวย มีห้างใหญ่ มีสะพานเรนโบว์หรือสะพานสายรุ้งที่นิยมใช้เป็นวิวสำหรับถ่ายหนังกัน นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวนความสะดวกในการบอกรักอีกครบค่ะ อาทิเช่น มีชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 大観覧車(Daikanransha)นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีห้างขนาดใหญ่ให้เดินซื้อของมากมาย และที่สำคัญบรรยากาศยามค่ำคืนที่นี่สวยมาก มากจนกระทั่งถ้ามีแฟนอยู่ใกล้ๆ นี่ แทบจะบอกรักกันแทบทุกคนเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่อยากบอก หรือบอกทุกๆวันมาแล้ว มาที่นี่ บรรยากาศจะทำให้พูดอีกครั้งแน่ๆค่ะ โดยเฉพาะสาวๆหากได้มาเดินที่ Venus Fort คงจะแทบกรี๊ด เพราะบรรยากาศภายในเหมือนกับกำลังเดินช๊อปปิ้งห้องเสื้อหรูจากปารีสและมิลาน หลังจากที่ชอปปิ้งจ่ายเงินจนเหนื่อยแล้วก็แวะพักร้านริมทางกินสปาเกตตี้จากเชฟอิตาเลี่ยนสักหน่อย ..ฟังดูเหมือนไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่น.. แต่มันเป็นไปแล้ววววค่ะ |
สะพานสายรุ้ง(Rainbow Bridge) สถานที่ที่แนะนํา และขึ้นชื่อที่สุดของโอไดบะที่ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์จะมาแนะนํากันก็คือ สะพานสายรุ้ง(Rainbow Bridge) ทําไมถึงเรียกกันว่าสะพานสายรุ้ง ถ้าเราดูจากรูปก็จะรู้เลยนะคะว่า มันหลายสีสันจนเหมือนสีรุ้งจริงๆค่ะ สะพานสายรุ้งแห่งนี้เอง ที่เป็นสถานที่ที่หนุ่มสาวญี่ปุ่น นิยมกันมา นัดเดทกันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แม้แต่ในหนังญี่ปุ่น หรือบทละคร ก็จะนำวิวจากโอไดบะนี้ มาถ่ายเป็นฉากของหนังคะ สะพาน สายรุ้งแห่งนี้ ที่คนญี่ปุ่น มีความเชื่อกันว่า ถ้าได้มาบอกรักกันที่นี่แล้ว จะทำให้คู่รักทั้งสอง สมหวังในความรัก และได้แต่งงานกันในที่สุด คู่รักหลายคู่ ก็มาบอกรักกันที่นี่ จน เป็นที่เชื่อกันในกลางคนหนุ่มสาวในญี่ปุ่น ว่า เป็นสะพานแห่งความรัก ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของสพพานสายรุ้ง สวยจนทีมงานพูดไม่ออก บรรยากาศโรแมนติคมากๆ จน ทีมงานสาวโสดอย่างพวกเราๆ อยากจะมีหนุ่มๆมาบอกว่า ( 好きですよ) = ชอบนะครับ หรือจะเป็น (おれはお前のことが好きだ) = ฉันชอบเธอนะ (おれはお前の見方だから) = ฉันเป็นพวกเดียวกับเธอเสมอ คำนี้ก็เป็นคำบอกรักได้เช่นเดียวกันค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากพูดตรงๆ และอยากให้ดูมีฟอรม์สักหน่อย ใครจะเเอไปใช้ก็ไม่ว่ากันนะคะ |
ภาพชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้รอบโตเกียว (パレットタウン大観覧車) นอกจากบรรยากาศโรแมนติคของ สะพานสายรุ้งแล้ว ทิวทัศน์ ยาวค่ำคืนของที่นี่ ยังสามารถมองเห็น โตเกียว ทาวเวอร์ ได้อย่างชัดเจน แทยจะเรียกได้ว่า คนที่มาที่นี่ ไม่ต้องไปโตเกียวทาวเวอร์ก็ได้ มาที่นี่แทนได้เลยค่ะ อีกสถานที่ท่องเที่ยงในโอไดบะ ที่ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ อยากจะแนะนำทุกๆท่านก็คือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ เรียกได้ว่า ใหญ่จริงๆค่ะ ใหญ่จนชิงช้าหมุนหนึ่งรอบ มองเห็นวิวรอบโตเกียวทั้งหมด และเห็นอ่าวโอไดบะทั้งอ่าวเลยทีเดียว ดังนั้นทีมงานเราก็ไม่พลาดที่จะไปลองขึ้นกันค่ะ ชิงช้าสวรรค์หมุนหนึ่งรอบ ใช้เวลาประมาณ สิบห้านาที ตั๋วราคาประมาณ หกร้อยเยนค่ะ คิวเยอะมากๆค่ะ ชนิดของ ชิงช้าสวรรค์ ในโอไดบะ มีสองชนิด แบบแรก คือแบบทั่วไป พื้นทึบ ตรงเท้ามองไม่เห็นด้านล่าง จะเห็นวิวเฉพาะตรงกระจก อันนี้มีไว้สำหรับคนที่กลัวความสูง แต่ถ้าท่านใดชอบในเรื่องเสียวๆ กล้าๆ ทีมงานขอแนะนำ ให้ไปขึ้นชนิดที่สอง คือเป็นกระจกใสทั้งลำ ที่เท้าสามารถมองเห็นได้ไปถึงพื้น ราคาค่าขึ้น ทั้งสองชนิดเท่ากันค่ะ ก็คือ หกร้อยเยน เท่านั้นค่ะ ชิงช้าสวรรค์ของที่นี่ ใหญ่ๆจริงๆ ค่ะ จากที่ทีมงานได้เล่าถึงบรรยากาศและทิวทัศน์ของโอไดบะกันไปแล้ว ทีมงานโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ คงคิดว่าคงมีหลายๆคนที่อยากจะมาเยี่ยมชมกับความสวยงามของโอไดบะกันแล้วนะคะ กันมาโอไดบะก็ไม่ยากเลยค่ะ เพราะว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง จึงมีรถไฟเฉพาะมาบริการเราเรียกได้ว่าสะดวกมากๆเลยวิธีการมาโอไดบะ หลักๆแล้วมีสองวิธีค่ะ 1. นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Osaki แล้วเปลี่ยนสายมานั่ง JR Rinkai line รถไฟสายนี้จะลอดใต้ดินมาลงที่โอไดบะ ตรงสถานี Tokyo teleport หากนั่งสายนี้จะไม่ได้เห็นทิวทัศน์สักเท่าไรเพราะว่ารถไฟลอดลงใต้ดินนะคะ ส่วนวิธีมาก็ตามแผนที่ที่ทีมงานลงไว้ให้อย่างละเอียดแล้วค่ะ |
2. วิธีที่สองวิธีนี้ทีมงานจะแนะนํามากกว่าค่ะ เพราะเห็นวิวชัดเจน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ วิธีคือ นั่งสาย Yurikamome โดยลงรถไฟที่สถานี JR Shimbashi Yurikamome Line อยู่ข้างๆสถานี JR Shimbashi สายนี้วิ่งไปโอไดบะโดยเฉพาะเลยค่ะ สายนี้วิ่งไปโอไดบะโดยเฉพาะเลย ข้อดีของการนั่งรถไฟสายนี้คือจะได้เห็นทิวทัศน์ค่อนข้างจะสวยของโอไดบะ เพราะรถไฟสายนี้จะหมุนตัว 1 รอบทำให้ชมวิวได้ทั่วๆ ก่อนที่จะวิ่งไต่ไปกับสะพานเรนโบว์หรือสะพานสายรุ้ง วันนี้ คอลัมน์เกร็ดญี่ปุ่นและพาเที่ยวญี่ปุ่น By ทีมงาน ajarnbank คงต้องจบการบรรยายแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหน พาไปทัวร์อะไร ติดตามได้จากหน้าเวปไซต์เลยค่ะ |
ถ่ายทอดข้อมูลและประสบการณ์โดย อาจารย์แบงค์
เนื้อเรื่อง+ภาพ By ทีมงาน โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอาจารย์แบงค์ www.ajarnbank.com
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|