ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยที่เป็นตลาดของปิกอัพ ทั้งในแง่ฐานการผลิตสำคัญของค่ายรถญี่ปุ่น,อเมริกา และความนิยมของผู้บริโภค แต่ “ฮอนด้า” ค่ายที่มีเพียงรถยนต์นั่งล้วนๆในการทำตลาด (ไม่นับโปรเจกต์ “ทัวร์มาสเตอร์”ที่ร่วมกับอีซูซุ) จะสามารถผงาดล้ำ ก้าวขึ้นมาเป็นค่ายรถยนต์“ท็อปทรี”ได้สำเร็จ
เห็นตัวเลขหลังผ่านไปครึ่งปี(ม.ค.- มิ.ย.56) “ฮอนด้า” ยังขึ้นแท่นแชมป์รถยนต์นั่ง ด้วยยอดขาย131,458 คัน เหนือคู่แข่งอย่าง “โตโยต้า” ที่ทำได้ 99,337 คันแบบไม่เห็นฝุ่น
ขณะเดียวกันยังขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง ทั้งสร้างเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และการผลิตที่ล่าสุดลงทุนกว่า 17,000 ล้านบาท ผุดโรงงานผลิตรถยนต์ที่จังหวัดปราจีนบุรี มีกำลังการผลิต 120,000 คันต่อปี พร้อมเริ่มเดินสายการผลิตในปี 2558
ถึงวันนี้ฮอนด้ามีไลน์อัพรถเยอะที่สุด นับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจในไทย ไล่ตั้งแต่ บริโอ้,บริโอ้ อเมซ,แจ๊ซ(ไฮบริด),ซิตี้(ซีเอ็นจี),ซีวิค(ไฮบริด) ,แอคคอร์ด,ซีอาร์-วี, และรถนำเข้าอย่าง ฟรีด,ซีอาร์ซีร์,โอดิสซีย์ และสเตปแวกอน ซึ่งจากความพร้อมด้านต่างๆฮอนด้ายังไม่หยุดการเสริมรถใหม่อยู่แค่นี้แน่นอน
สำหรับการเปลี่ยนโฉมใหม่ตามอายุของโมเดลนั้น มีกระแสข่าวออกมาให้ติดตามเป็นปกติ อย่างล่าสุดมีการเผยภาพจริงของ “ฮอนด้า แจ๊ซ” หรือ“ฟิต”ในญี่ปุ่นออกมาแล้ว ไฮไลต์อยู่ที่การออกแบบโฉบเฉี่ยวล้ำสมัย แถมชูเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัทช์ 7 สปีด เก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงจะให้สมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น และประหยัดน้ำมันกว่าระบบไฮบริดแบบ IMA เดิมถึง 35%
ส่วนเมืองไทยมี “แจ๊ซ ไฮบริด” ทำตลาดแน่นอน แต่น่าจะมาหลังจากการเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ปกติ (1.5 ลิตร)ที่พร้อมทำตลาดต้นปีหน้า
อย่างไรก็ตามอีกหนึ่งความน่าสนใจของฮอนด้า อยู่ที่การนำแพลตฟอร์มของแจ๊ซไปพัฒนาเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ในหลากหลายตัวถัง อย่างที่บ้านเรารู้จักกันดีก็มี “ซิตี้” ซึ่งโฉมใหม่โมเดลเชนจ์เตรียมเปิดตัวในไทยปลายปีนี้ รวมถึงเอ็มพีวีอย่าง “ฟรีด” ที่นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย (ยังไม่มีข่าวการโมเดลเชนจ์) เหนืออื่นใดยังมีการเปิดเผยถึงการพัฒนาเอสยูวีสายพันธุ์ใหม่จากแพลตฟอร์มเดียวกันนี้อีกหนึ่งรุ่น
ฮอนด้าได้เปิดตัวรถต้นแบบชื่อว่า “Urban SUV” ในงานดีทรอยต์มอเตอร์โชว์เดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเอสยูวีคันนี้จะเป็นโกลบอลโมเดลที่พร้อมทำตลาดทั่วโลก ด้วยวางตำแหน่งสินค้าต่ำกว่า “ซีอาร์-วี” สนนราคาขายไม่เกิน 9 แสนบาท ซึ่งเมืองไทยมีแนวโน้มสูงที่จะได้เป็นหนึ่งในฐานผลิตกับโรงงานใหม่จังหวัดปราจีนบุรีในปี 2558
|