เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ปัจจุบันทั้งหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชนต่างมีการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงในบ้านเราอย่างไม่หยุดนิ่ง และ หมูดำ คูโรบูตะ เป็นหนึ่งในจำนวนนี้
ดร.สัจจา ระหว่างสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านวิจัยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์สุกร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ซีพีเอฟ บอกกับทีมงาน “หลายชีวิต” ว่า “หมูดำ คูโรบูตะ” หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ “แบล็กฮอก” (Black Hog) เป็นสายพันธุ์หมูที่มีต้นกำเนิดจาก หมูพันธุ์ “เบอร์กเชียร์” (Berkshire) มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่เมืองเบอร์กเชียร์ตอนใต้ของประเทศอังกฤษ
โดยสุกรสายพันธุ์ดังกล่าวเป็นลูกผสมระหว่าง สุกรอังกฤษ จีน และไทย สีดำ เมื่อลูกออกมาจะมีลักษณะสีขาวอยู่ 6 แห่ง คือ หน้าผาก ปลายหาง เท้า ทั้ง 4 ซึ่งในวัยที่ยังเล็กจมูกสั้น หน้าหัก หน้าผากกว้าง หูเล็กตั้งตรง แต่อายุมากหูจะปรกไปด้านหน้าเล็กน้อย คางใหญ่ย้อยมาถึงลำคอ เป็นสุกรขนาดกลาง ตะโพกใหญ่ บึกบึน เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นสายพ่อ-แม่พันธุ์ เนื่องจากให้เนื้อมาก
จากคุณลักษณะดังกล่าว ต่อมาชาวญี่ปุ่นจึงนำมาเลี้ยงและพัฒนาให้ดีกว่าของดั้งเดิม ด้วยการขุนให้กินอาหารดี พักผ่อนเต็มที่ อยู่กินอย่างสบาย เพื่อเพิ่มไขมันแทรกกล้ามเนื้อ (marbling) หรือที่เรียกว่าลายหินอ่อนซึ่งคล้ายกับเนื้อวัว อันเป็นลักษณะเด่นของหมูสายพันธุ์ดังกล่าว โดยเมืองที่เลี้ยงหมูดำจนโด่งดังคือจังหวัด “คาโกชิมะ” (Kagoshima) ที่อยู่ใกล้กับเมืองโกเบที่เป็นต้นกำเนิดของเนื้อโกเบนั่นเอง...
สำหรับการปรับปรุงพันธุ์ในบ้านเรา ซึ่งตลาดส่วนใหญ่ยังคงเน้นปริมาณเนื้อแดงมากๆ สาเหตุหนึ่งอาจมาจากเกรงกลัวเรื่องไขมัน ดังนั้นทางทีมงานจึงได้นำสุกรสายพันธุ์ “เบอร์กเชียร์” มาผสมกับสายพันธุ์สุกรพ่อแม่พันธุ์ CP21 CP23 CP73 และ CP31 (ให้เนื้อแดงมาก) กระทั่งออกมาเป็น หมูดำ คูโรบูตะ ที่มีรูปลักษณ์ สี กลิ่น ความนุ่มลิ้น มีไขมันแทรก คล้ายเนื้อวากิว ที่เป็นเนื้อลายหินอ่อนสวยๆของเนื้อวัวมัตซึสะกะ โกเบ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการศึกษาข้อมูลด้านการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อมาปรับปรุงให้เพียงพอกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค และให้เหมาะกับการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยง
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ |
< ย้อนกลับ | ถัดไป > |
---|